DiaryTravelJapan
Japan Trip 2016 : Ep13 นั่งรถบัสรอบเมืองเซนไดกับ "Loople Bus"
ฟินไม่รู้จบจริงๆ กับการชมซากุระบานที่ฟุนาโอกะ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ แถมยังได้มีโอกาสได้ทานข้าวหน้าลิ้นวัวกับเมนูใหม่ของสตาร์บัคที่มีขายแบบจำกัดระยะเวลาด้วย มาญี่ปุ่นทีเดียว ได้นกไปหลายตัวเลย... 5555
เข้าสู่เช้าวันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน 2559 วันที่ 7 ของการเดินทางในทริปนี้ ซึ่ง...ขอบอกว่าพยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นนี่แม่นยำจริงๆ นะ และคิดถูกจริงๆ ที่ตัดสินใจสลับแพลนไปฟุนาโอกะก่อน เนื่องจากวันนี้ฝนตกแต่เช้าเลยจ้าา ^^"
ถึงจะบอกว่าฝนตก แต่มันก็ไม่ได้ตกหนักหนาสาหัสมากนะ เพียงแค่รู้สึกว่าอากาศยิ่งเย็นลงมากกว่าปกติเท่านั้นเอง 555
อย่างไรก็ตาม แพลนที่ตั้งไว้ของพวกเราก็ยังไม่ล่มนะจ๊ะ
และสำหรับแพลนของพวกเราวันนี้ก็คือ...
กิจกรรมนั่งรถบัสรอบเมืองเซนไดกับ "Loople Bus" นั่นเองจ้าา ><
ซึ่งตัวตั๋วของมัน เราสามารถหาซื้อได้หลายช่องทางในเมืองเซนไดเลย
รายละเอียดต่างๆ ลองเข้าไปศึกษากันที่ http://www.sentabi.jp/loople/en/about/ นะจ๊ะ
และสำหรับที่พวกนะได้ซื้อไปก็เป็นตั๋วแบบ One day pass โดยซื้อจากโรงแรมที่พวกนะพักนั่นเองค่ะ
ว่าแล้วพวกเราก็เริ่มออกเดินทางเลยดีกว่า โดยจุดเริ่มต้นของการขึ้นรถบัสเที่ยวรอบเมือง พวกเราได้ไปรอขึ้นรถบัสกันที่หน้าสถานีเซนได ตรงป้ายรถบัสหมายเลข 16 จ้า
หลังจากที่รอได้ซักพักใหญ่ๆ ก็ได้ขึ้นรถกันสมใจล่ะ ซึ่งตัวรถก็ดูมีความคลาสสิกมากกก แต่จะมากขนาดไหน เดี๋ยวจะมีรูปให้ดูตอนช่วงท้ายๆ นะ ส่วนตอนนี้เอาภาพบรรยากาศภายในตัวรถก่อน ฮาาา
ใครที่ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ต้องเครียดไปนะ เพราะที่หน้าจอทีวีบนรถเขามีตัวอักษรขึ้นตลอดว่าตอนนี้ใกล้ถึงป้ายรถบัสไหนแล้ว จะได้ลงรถกันถูกเนาะ ^^
พวกนะนั่งรถกันไม่นานก็มาถึงป้ายรถบัสที่จะต้องลงกันแล้ว กับป้ายรถบัส "Zuihoden Mausoleum" เพราะจุดหมายปลายทางแรกของเราก็คือ "ซุยโฮเด็น" ที่ตั้งของหลุมศพท่าน Date Masamune ซึ่งเคยเป็นผู้ครองเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดในสมัยเอโดะนั่นเองค่ะ
แต่พอลงจากรถแล้ว... พวกเราก็เห็นอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าเลยล่ะค่ะ
ทุกคนเห็นทางขึ้นเนินสูงๆ นั่นไหมล่ะคะ? ทางนั้นแหละคือทางไป "ซุยโฮเด็น" แม่เจ้าาาาา นี่เราต้องลากสังขาร (ที่ปวดเท้าอยู่แล้ว) ขึ้นไปบนนั้นเร้อออออ!?! O[]O""""
แต่ครั้นจะบ่นไปก็ไม่ช่วยอะไร ทำได้อย่างเดียว "เดินวนไปค่ะ!!" 555555 #ในเลข5นั้นมีน้ำตาซ่อนอยู่ T^T
อ้อ ลืมบอกไป ระหว่างทางขึ้นไปด้านบน เขามีไม้เท้าไว้คอยให้บริการด้วย ใครที่เดินไม่ค่อยไหว ก็เอาไม้เท้าไปใช้เอาพลางๆ ได้นะยัยนี่ก็ใช้กะเค้าเหมือนกัน
หลังจากที่เดินขึ้นเนินมาได้เกือบครึ่ง ชม. ในที่สุด...ก็ถึงที่หมายซักที เย่ๆๆๆ \(^o^)/
พอไปถึงก็เข้าห้องน้ำ แล้วซื้อบัตรเข้าชมกัน ซึ่งถ้าใครมีบัตร Loople Bus แบบ One day pass ก็ได้รับส่วนลดค่าเข้าชมกันด้วยนะเออ ^^
เมื่อซื้อบัตรเข้าชมเรียบร้อยแล้ว ไม่รอช้า พวกเราก็ทยอยเดินเข้าไปชมสถานที่แห่งนี้กัน เริ่มจากบริเวณที่เรียกว่า "ซุยโฮเด็น" อันเป็นที่ตั้งของหลุมศพท่าน Date Masamune นั่นเองค่ะ
และนอกจากบริเวณที่เรียกว่า "ซุยโฮเด็น" แล้ว ก็ยังมีบริเวณที่เรียกว่า "คันเซ็นเด็น" และ "เซ็นโนเด็น" ด้วยนะ ซึ่งเราสามารถเดินไปตามทางที่ป้ายบอกได้เลยค่ะ
ถึงแม้ว่าตอนไปถึงที่หมายจะฝนตก แต่พวกเราก็ยังได้เห็นซากุระบานด้วยนะเออ =..=
หลังจากที่พวกเราเดินชมกันจนครบทั้งหมดแล้ว พวกเราก็เดินลงเนินมาทางเดิมเพื่อกลับไปยังป้ายรถบัส แล้วขึ้นรถบัสต่อไปยังจุดหมายต่อไป ได้แก่ ป้ายรถบัส "Sendai City Museum / Sendai International Center" เพื่อที่จะไปยัง "พิพิธภัณฑ์เมืองเซนได" นั่นเองค่ะ
ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเมืองเซนไดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยล่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก แต่น่าเสียดายที่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์เขาห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ เลยไม่ได้ถ่ายภาพมาเลยค่ะ แหะๆๆ ^^"
ตอนที่เดินจนทั่วพิพิธภัณฑ์ เวลาก็ล่วงเลยไปเที่ยงกว่าๆ จะบ่ายโมงแล้ว พวกเราเลยต้องรีบทำเวลานิดนึง เนื่องจากหิว บวกกับจำนวนเที่ยวรถที่มีจำกัดด้วย จากตอนแรกที่คิดว่าจะหาอะไรทานในร้านอาหารที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่เนื่องจากเพื่อนๆ ในทริปบางคนเริ่มงบจำกัดแล้ว เลยอดทนไปยังจุดหมายต่อไปพร้อมกับหาอะไรทานแก้หิวด้วย
หลังจากที่รอรถบัสมาได้ซักพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็มาซักที พอเอาจริงๆ แล้วก็ดีเลย์ใช้ได้เลย ส่วนหนึ่งเพราะตอนนี้มีคนใช้บริการเยอะด้วยค่ะ ขึ้นรถทีคราวนี้ได้ยืนโหนรถกันเลยทีเดียว ^^"
แต่ก็ใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก ก็มาถึงจุดหมายต่อไปกับป้ายรถบัส "Site of Sendai Castle" ที่ตั้งของ "ซากปราสาทเซนไดนั่นเอง ซึ่งจากป้ายรถบัส เราต้องเดินบันไดหินขึ้นไปกันก่อนนะ
และจากที่บอกไปแล้วว่าเป็นซากปราสาท เนื่องจากในอดีต พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของตัวปราสาทมาก่อน แต่ในปัจจุบันเหลือแค่ส่วนกำแพงและป้อมปราการเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งก็ได้มีการสร้างรูปปั้นท่านดาเตะ มาซามุเนะไว้บนนี้ด้วยค่ะ
และบริเวณด้านหลังพื้นที่ดังกล่าวก็เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าด้วย ใครสนใจจะไปอธิษฐานขอพรก็เชิญกันได้ค่ะ ^^
หลังจากที่ชมวิวทิวทัศน์กันแบบจุใจแล้ว สองคู่หูสายบุญก็ขอแยกตัวออกมาชั่วคราว เพราะทั้งคู่แพลนว่าอยากจะไปศาลเจ้าโอซากิต่อ ส่วนพวกเราที่เหลือ 4 ชีวิต ก็ไปฝากท้องกันต่อที่ร้านโซบะ-อุด้งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวและศาลเจ้ามากนักค่ะ
งานนี้พวกเราก็เลยได้ซัดโฮกกันไปตามๆ กัน เพราะหิวมากกกก กินจนหมดเซตแล้วก็ยังไม่อิ่มท้อง พอออกมาข้างนอก เจอเขาขายซาลาเปาลิ้นวัวก็เลยจัดไปอีกหนึ่งลูกก่อนที่รีบลงไปยังป้ายรถบัสเพื่อเดินทางกลับไปยังในตัวเมืองเซนได
ว่าแล้วพอมีโอกาสได้ถ่ายตัวรถบัสเต็มๆ ก็ขอแชะหน่อยล่ะค่ะ ^^
ซึ่งในระหว่างที่กำลังเดินทางเข้าเมือง สองคู่หูสายบุญก็ได้เข้ามาสมทบตรงป้ายรถบัสหน้าศาลเจ้าโอซากิด้วยนะ 555
พอกลับเข้ามาในเมืองแล้ว พวกเราก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ ซึ่งหลายๆ คนก็ได้ของติดไม้ติดมือกันเพียบ จากนั้นก็พากันมาหาอะไรทานกันต่อที่ร้านอาหารใกล้สถานีเซนได ซึ่งก่อนหน้านี้สองคู่หูสายบุญได้มีโอกาสเข้าไปลองทานกันแล้วกับร้านที่มีชื่อว่า "ฮันดะยะ" ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ตึก Bivi
ร้านนี้จะออกแนวคล้ายๆ กับโรงอาหารเลย ต่างกันตรงที่เราสามารถเลือกหยิบอาหารบางประเภทที่อยากทานวางใส่ถาดได้เลย แต่ก็จะมีบางประเภทที่ต้องออเดอร์ทางพนักงานด้วยนะ อย่างเช่น ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดที่นะได้สั่งไป ฮาาา
ทุกคนคิดว่าที่นะทานไปราคาเท่าไหร่คะ?
นี่คือคำตอบค่ะ
ทั้งหมดนี้ราคา 506 เยน ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 160 บาทเท่านั้นเองค่ะ (คิดตามเรทเงิน 100 เยน = 31.50 บาท ณ วันที่เดินทาง) ซึ่งสำหรับที่ญี่ปุ่นแล้ว ราคานี้ถือว่าถูกมากๆ เลยนะ
ส่วนอาหารอย่างอื่นราคาจะเป็นอย่างไร นะมีภาพหน้าร้านมาให้ลองเปรียบเทียบกันดูด้วยนะ ดูแล้วก็ลองคิดคำนวณเอาละกันจ้า ^^
จากนั้น พวกนะก็พากันไปจองตั๋วรถไฟสำหรับที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากที่เดินออกมา ก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ยยยย ลืมสัมภาระเอาไว้ตอนจองตั๋ว... ฮืออออ จากนั้นไม่รอช้าก็รีบกลับเข้าไปยังบริเวณที่จองตั๋วค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่ได้ของคืนแล้ว ไปๆ มาๆ เขาก็ให้กรอกเอกสาร แล้วเขาก็เอาสัมภาระที่เราลืมไว้มาวางไว้ตรงหน้า โอ้วววว เซอร์ไพรส์มากมายยย ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ของเจอาร์ด้วยนะคะ ><"
พอเสร็จสิ้นเรื่องวุ่นๆ ก็เลยพากันเดินลัดเลาะกลับมาทางตึก Bivi เช่นเคย แต่คราวนี้เพราะตั้งใจว่าจะมาลองทานไอศกรีมกูลิโกะแบบกดตู้ให้ได้ค่ะ ^^
ตัวไอศกรีมของเขาก็เป็นตัว Seventeen ซึ่งที่ญี่ปุ่นเขาก็มีให้เลือกทานหลายรสเลยนะ และนี่ก็เป็นรสที่นะเลือกลองทานค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเป็นรสกล้วย, ช็อกโกแลต และแมคคาเดเมีย ราคา 200 เยน รสชาติอร่อยมากค่ะ
จากนั้นพวกนะก็เดินกลับโรงแรมเพื่อเตรียมเก็บของและพักผ่อนกันยาวๆ ซึ่งตัวนะเอง พอมาถึงห้องปุ๊บ ก็สลบไปเลย... แบบว่าเดินหนักๆ ต่อเนื่องกันมาหลายวัน มันก็ทำเอาหมดแรงได้เลยนะ แต่อย่างไรก็ตามนะก็เปิดทีวีทิ้งไว้ค่ะ 5555
แต่แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ตื่นมาแล้วได้เจอภาพบนจอทีวีแบบนี้...
ใช่แล้วค่ะ ภาพเหตุการณ์รายงานข่าวสดๆ ร้อนๆ ณ เวลานี้ก็คือ ภาพข่าวในขณะที่กำลังเกิดแผ่นดินไหวที่คุมาโมโต้เลยค่ะ ตอนรู้ข่าวนี้ก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าที่คิวชูจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง แถมแรงสั่นสะเทือนยังลามมาถึงโตเกียวด้วย... ส่วนของทางพวกนะเอง ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยค่ะ เลยรู้สึกปกติกันมาก
แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนวันที่เดินทางมาถึงเมืองเซนได ก็มีเหตุเกิดเพลิงไหม้แถวชินจูกุด้วยนะ เหอๆๆ
เอาเถอะ เอาเป็นว่าไม่มีเหตุภัยพิบัติเกิดขึ้นในพื้นที่ที่พวกเราเดินทางก็ดีแล้วล่ะ ><"
สำหรับในตอนหน้านี้จะเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้แล้วนะคะ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ฝากติดตามกันด้วยนะจ๊ะ ^^
ปล. อย่าลืมติดตามอ่านบันทึกของคุณเพื่อนร่วมทริปด้วยนะ ล่าสุด เจ้าตัวอัพไปถึงตอนที่ 11 แล้ว ซึ่งเจ้าตัวเล่าเลยไปถึงวันสุดท้ายของทริปแล้วเรียบร้อย แต่ก็ยังเหลืออีกตอนนึงล่ะเนาะ ที่แน่ๆ ช่วงตอนที่ 9-10 ที่เล่าถึงตอนที่ขึ้นรถบัสเที่ยวเซนได เจ้าตัวเล่าได้ละเอียดกว่าที่ตัวเองเขียนอีก 5555 ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ลองเข้าไปอ่านกันได้จ้า
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก by hades072
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 1 แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้ว!!
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 2 แปลงโฉมเป็นสาวญี่ปุ่น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 3 ดูวิวฟูจิ ณ เจดีย์ห้าชั้น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 4 ภารกิจติ่งๆ ภาคโหมโรง
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 5 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part I
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 6 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part II
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 7 เที่ยวนอกโตเกียว...มุ่งหน้าสู่เซนได
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 8 เที่ยวนอกโตเกียว...นั่งรถรางดูซากุระที่ฟุนาโอกะ
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 9 เที่ยวนอกโตเกียว...เยี่ยมบ้านดาเตะซามะไปกับLoople Bus
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 10 เที่ยวนอกโตเกียว...เยี่ยมบ้านดาเตะซามะไปกับLoople Bus - ตอนจบ
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 11 เดินเล่นตลาดอาเมะโยโกะ
อ่านบันทึกการเดินทาง Japan Trip 2016 ย้อนหลัง
Japan Trip 2016 : Ep01 การเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
Japan Trip 2016 : Ep02 มุ่งสู่โตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น
Japan Trip 2016 : Ep03 เดินชมวิวยามเช้าที่อาซาคุสะ
Japan Trip 2016 : Ep04 เช่ากิโมโนใส่เดินเล่นที่วัดเซนโซจิและริมแม่น้ำสุมิดะ
Japan Trip 2016 : Ep05 ฟินๆ กับถิ่นกำเนิดของสาวๆ วง AKB48
Japan Trip 2016 : Ep06 ชมซากุระและภูเขาไฟฟูจิที่ Chureito Pagoda
Japan Trip 2016 : Ep07 แวะศาลเจ้าเมจิ โอโมเตะซันโด และชิบุยะ
Japan Trip 2016 : Ep08 Gotokuji วัดนี้มีแต่แมวนางกวัก /ᐠ ._. ᐟ\ﾉ
Japan Trip 2016 : Ep09 ฟินสุดติ่งที่ Fujiko·F·Fujio Museum
Japan Trip 2016 : Ep10 นัดเจอเพื่อนคนไทยในโตเกียว
Japan Trip 2016 : Ep11 ทานข้าวกล่อง Ekiben บนรถไฟชินคันเซ็น
Japan Trip 2016 : Ep12 ภารกิจชมซากุระที่ Funaoka Castle Ruin Park
ナナ～♪
รายละเอียดต่างๆ ลองเข้าไปศึกษากันที่ http://www.sentabi.jp/loople/en/about/ นะจ๊ะ
และสำหรับที่พวกนะได้ซื้อไปก็เป็นตั๋วแบบ One day pass โดยซื้อจากโรงแรมที่พวกนะพักนั่นเองค่ะ
ว่าแล้วพวกเราก็เริ่มออกเดินทางเลยดีกว่า โดยจุดเริ่มต้นของการขึ้นรถบัสเที่ยวรอบเมือง พวกเราได้ไปรอขึ้นรถบัสกันที่หน้าสถานีเซนได ตรงป้ายรถบัสหมายเลข 16 จ้า
หลังจากที่รอได้ซักพักใหญ่ๆ ก็ได้ขึ้นรถกันสมใจล่ะ ซึ่งตัวรถก็ดูมีความคลาสสิกมากกก แต่จะมากขนาดไหน เดี๋ยวจะมีรูปให้ดูตอนช่วงท้ายๆ นะ ส่วนตอนนี้เอาภาพบรรยากาศภายในตัวรถก่อน ฮาาา
ใครที่ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ต้องเครียดไปนะ เพราะที่หน้าจอทีวีบนรถเขามีตัวอักษรขึ้นตลอดว่าตอนนี้ใกล้ถึงป้ายรถบัสไหนแล้ว จะได้ลงรถกันถูกเนาะ ^^
พวกนะนั่งรถกันไม่นานก็มาถึงป้ายรถบัสที่จะต้องลงกันแล้ว กับป้ายรถบัส "Zuihoden Mausoleum" เพราะจุดหมายปลายทางแรกของเราก็คือ "ซุยโฮเด็น" ที่ตั้งของหลุมศพท่าน Date Masamune ซึ่งเคยเป็นผู้ครองเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดในสมัยเอโดะนั่นเองค่ะ
แต่พอลงจากรถแล้ว... พวกเราก็เห็นอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าเลยล่ะค่ะ
ทุกคนเห็นทางขึ้นเนินสูงๆ นั่นไหมล่ะคะ? ทางนั้นแหละคือทางไป "ซุยโฮเด็น" แม่เจ้าาาาา นี่เราต้องลากสังขาร (ที่ปวดเท้าอยู่แล้ว) ขึ้นไปบนนั้นเร้อออออ!?! O[]O""""
แต่ครั้นจะบ่นไปก็ไม่ช่วยอะไร ทำได้อย่างเดียว "เดินวนไปค่ะ!!" 555555 #ในเลข5นั้นมีน้ำตาซ่อนอยู่ T^T
อ้อ ลืมบอกไป ระหว่างทางขึ้นไปด้านบน เขามีไม้เท้าไว้คอยให้บริการด้วย ใครที่เดินไม่ค่อยไหว ก็เอาไม้เท้าไปใช้เอาพลางๆ ได้นะ
หลังจากที่เดินขึ้นเนินมาได้เกือบครึ่ง ชม. ในที่สุด...ก็ถึงที่หมายซักที เย่ๆๆๆ \(^o^)/
พอไปถึงก็เข้าห้องน้ำ แล้วซื้อบัตรเข้าชมกัน ซึ่งถ้าใครมีบัตร Loople Bus แบบ One day pass ก็ได้รับส่วนลดค่าเข้าชมกันด้วยนะเออ ^^
เมื่อซื้อบัตรเข้าชมเรียบร้อยแล้ว ไม่รอช้า พวกเราก็ทยอยเดินเข้าไปชมสถานที่แห่งนี้กัน เริ่มจากบริเวณที่เรียกว่า "ซุยโฮเด็น" อันเป็นที่ตั้งของหลุมศพท่าน Date Masamune นั่นเองค่ะ
และนอกจากบริเวณที่เรียกว่า "ซุยโฮเด็น" แล้ว ก็ยังมีบริเวณที่เรียกว่า "คันเซ็นเด็น" และ "เซ็นโนเด็น" ด้วยนะ ซึ่งเราสามารถเดินไปตามทางที่ป้ายบอกได้เลยค่ะ
ถึงแม้ว่าตอนไปถึงที่หมายจะฝนตก แต่พวกเราก็ยังได้เห็นซากุระบานด้วยนะเออ =..=
หลังจากที่พวกเราเดินชมกันจนครบทั้งหมดแล้ว พวกเราก็เดินลงเนินมาทางเดิมเพื่อกลับไปยังป้ายรถบัส แล้วขึ้นรถบัสต่อไปยังจุดหมายต่อไป ได้แก่ ป้ายรถบัส "Sendai City Museum / Sendai International Center" เพื่อที่จะไปยัง "พิพิธภัณฑ์เมืองเซนได" นั่นเองค่ะ
ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเมืองเซนไดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยล่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก แต่น่าเสียดายที่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์เขาห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ เลยไม่ได้ถ่ายภาพมาเลยค่ะ แหะๆๆ ^^"
ตอนที่เดินจนทั่วพิพิธภัณฑ์ เวลาก็ล่วงเลยไปเที่ยงกว่าๆ จะบ่ายโมงแล้ว พวกเราเลยต้องรีบทำเวลานิดนึง เนื่องจากหิว บวกกับจำนวนเที่ยวรถที่มีจำกัดด้วย จากตอนแรกที่คิดว่าจะหาอะไรทานในร้านอาหารที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่เนื่องจากเพื่อนๆ ในทริปบางคนเริ่มงบจำกัดแล้ว เลยอดทนไปยังจุดหมายต่อไปพร้อมกับหาอะไรทานแก้หิวด้วย
หลังจากที่รอรถบัสมาได้ซักพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็มาซักที พอเอาจริงๆ แล้วก็ดีเลย์ใช้ได้เลย ส่วนหนึ่งเพราะตอนนี้มีคนใช้บริการเยอะด้วยค่ะ ขึ้นรถทีคราวนี้ได้ยืนโหนรถกันเลยทีเดียว ^^"
แต่ก็ใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก ก็มาถึงจุดหมายต่อไปกับป้ายรถบัส "Site of Sendai Castle" ที่ตั้งของ "ซากปราสาทเซนไดนั่นเอง ซึ่งจากป้ายรถบัส เราต้องเดินบันไดหินขึ้นไปกันก่อนนะ
และจากที่บอกไปแล้วว่าเป็นซากปราสาท เนื่องจากในอดีต พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของตัวปราสาทมาก่อน แต่ในปัจจุบันเหลือแค่ส่วนกำแพงและป้อมปราการเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งก็ได้มีการสร้างรูปปั้นท่านดาเตะ มาซามุเนะไว้บนนี้ด้วยค่ะ
และบริเวณด้านหลังพื้นที่ดังกล่าวก็เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าด้วย ใครสนใจจะไปอธิษฐานขอพรก็เชิญกันได้ค่ะ ^^
หลังจากที่ชมวิวทิวทัศน์กันแบบจุใจแล้ว สองคู่หูสายบุญก็ขอแยกตัวออกมาชั่วคราว เพราะทั้งคู่แพลนว่าอยากจะไปศาลเจ้าโอซากิต่อ ส่วนพวกเราที่เหลือ 4 ชีวิต ก็ไปฝากท้องกันต่อที่ร้านโซบะ-อุด้งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวและศาลเจ้ามากนักค่ะ
งานนี้พวกเราก็เลยได้ซัดโฮกกันไปตามๆ กัน เพราะหิวมากกกก กินจนหมดเซตแล้วก็ยังไม่อิ่มท้อง พอออกมาข้างนอก เจอเขาขายซาลาเปาลิ้นวัวก็เลยจัดไปอีกหนึ่งลูกก่อนที่รีบลงไปยังป้ายรถบัสเพื่อเดินทางกลับไปยังในตัวเมืองเซนได
ว่าแล้วพอมีโอกาสได้ถ่ายตัวรถบัสเต็มๆ ก็ขอแชะหน่อยล่ะค่ะ ^^
ซึ่งในระหว่างที่กำลังเดินทางเข้าเมือง สองคู่หูสายบุญก็ได้เข้ามาสมทบตรงป้ายรถบัสหน้าศาลเจ้าโอซากิด้วยนะ 555
พอกลับเข้ามาในเมืองแล้ว พวกเราก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ ซึ่งหลายๆ คนก็ได้ของติดไม้ติดมือกันเพียบ จากนั้นก็พากันมาหาอะไรทานกันต่อที่ร้านอาหารใกล้สถานีเซนได ซึ่งก่อนหน้านี้สองคู่หูสายบุญได้มีโอกาสเข้าไปลองทานกันแล้วกับร้านที่มีชื่อว่า "ฮันดะยะ" ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ตึก Bivi
ร้านนี้จะออกแนวคล้ายๆ กับโรงอาหารเลย ต่างกันตรงที่เราสามารถเลือกหยิบอาหารบางประเภทที่อยากทานวางใส่ถาดได้เลย แต่ก็จะมีบางประเภทที่ต้องออเดอร์ทางพนักงานด้วยนะ อย่างเช่น ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดที่นะได้สั่งไป ฮาาา
ทุกคนคิดว่าที่นะทานไปราคาเท่าไหร่คะ?
นี่คือคำตอบค่ะ
ทั้งหมดนี้ราคา 506 เยน ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 160 บาทเท่านั้นเองค่ะ (คิดตามเรทเงิน 100 เยน = 31.50 บาท ณ วันที่เดินทาง) ซึ่งสำหรับที่ญี่ปุ่นแล้ว ราคานี้ถือว่าถูกมากๆ เลยนะ
ส่วนอาหารอย่างอื่นราคาจะเป็นอย่างไร นะมีภาพหน้าร้านมาให้ลองเปรียบเทียบกันดูด้วยนะ ดูแล้วก็ลองคิดคำนวณเอาละกันจ้า ^^
จากนั้น พวกนะก็พากันไปจองตั๋วรถไฟสำหรับที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากที่เดินออกมา ก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ยยยย ลืมสัมภาระเอาไว้ตอนจองตั๋ว... ฮืออออ จากนั้นไม่รอช้าก็รีบกลับเข้าไปยังบริเวณที่จองตั๋วค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่ได้ของคืนแล้ว ไปๆ มาๆ เขาก็ให้กรอกเอกสาร แล้วเขาก็เอาสัมภาระที่เราลืมไว้มาวางไว้ตรงหน้า โอ้วววว เซอร์ไพรส์มากมายยย ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ของเจอาร์ด้วยนะคะ ><"
พอเสร็จสิ้นเรื่องวุ่นๆ ก็เลยพากันเดินลัดเลาะกลับมาทางตึก Bivi เช่นเคย แต่คราวนี้เพราะตั้งใจว่าจะมาลองทานไอศกรีมกูลิโกะแบบกดตู้ให้ได้ค่ะ ^^
ตัวไอศกรีมของเขาก็เป็นตัว Seventeen ซึ่งที่ญี่ปุ่นเขาก็มีให้เลือกทานหลายรสเลยนะ และนี่ก็เป็นรสที่นะเลือกลองทานค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเป็นรสกล้วย, ช็อกโกแลต และแมคคาเดเมีย ราคา 200 เยน รสชาติอร่อยมากค่ะ
จากนั้นพวกนะก็เดินกลับโรงแรมเพื่อเตรียมเก็บของและพักผ่อนกันยาวๆ ซึ่งตัวนะเอง พอมาถึงห้องปุ๊บ ก็สลบไปเลย... แบบว่าเดินหนักๆ ต่อเนื่องกันมาหลายวัน มันก็ทำเอาหมดแรงได้เลยนะ แต่อย่างไรก็ตามนะก็เปิดทีวีทิ้งไว้ค่ะ 5555
แต่แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ตื่นมาแล้วได้เจอภาพบนจอทีวีแบบนี้...
ใช่แล้วค่ะ ภาพเหตุการณ์รายงานข่าวสดๆ ร้อนๆ ณ เวลานี้ก็คือ ภาพข่าวในขณะที่กำลังเกิดแผ่นดินไหวที่คุมาโมโต้เลยค่ะ ตอนรู้ข่าวนี้ก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าที่คิวชูจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง แถมแรงสั่นสะเทือนยังลามมาถึงโตเกียวด้วย... ส่วนของทางพวกนะเอง ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยค่ะ เลยรู้สึกปกติกันมาก
แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนวันที่เดินทางมาถึงเมืองเซนได ก็มีเหตุเกิดเพลิงไหม้แถวชินจูกุด้วยนะ เหอๆๆ
เอาเถอะ เอาเป็นว่าไม่มีเหตุภัยพิบัติเกิดขึ้นในพื้นที่ที่พวกเราเดินทางก็ดีแล้วล่ะ ><"
สำหรับในตอนหน้านี้จะเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้แล้วนะคะ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ฝากติดตามกันด้วยนะจ๊ะ ^^
ปล. อย่าลืมติดตามอ่านบันทึกของคุณเพื่อนร่วมทริปด้วยนะ ล่าสุด เจ้าตัวอัพไปถึงตอนที่ 11 แล้ว ซึ่งเจ้าตัวเล่าเลยไปถึงวันสุดท้ายของทริปแล้วเรียบร้อย แต่ก็ยังเหลืออีกตอนนึงล่ะเนาะ ที่แน่ๆ ช่วงตอนที่ 9-10 ที่เล่าถึงตอนที่ขึ้นรถบัสเที่ยวเซนได เจ้าตัวเล่าได้ละเอียดกว่าที่ตัวเองเขียนอีก 5555 ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ลองเข้าไปอ่านกันได้จ้า
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก by hades072
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 1 แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้ว!!
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 2 แปลงโฉมเป็นสาวญี่ปุ่น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 3 ดูวิวฟูจิ ณ เจดีย์ห้าชั้น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 4 ภารกิจติ่งๆ ภาคโหมโรง
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 5 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part I
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 6 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part II
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 7 เที่ยวนอกโตเกียว...มุ่งหน้าสู่เซนได
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 8 เที่ยวนอกโตเกียว...นั่งรถรางดูซากุระที่ฟุนาโอกะ
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 9 เที่ยวนอกโตเกียว...เยี่ยมบ้านดาเตะซามะไปกับLoople Bus
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 10 เที่ยวนอกโตเกียว...เยี่ยมบ้านดาเตะซามะไปกับLoople Bus - ตอนจบ
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 11 เดินเล่นตลาดอาเมะโยโกะ
อ่านบันทึกการเดินทาง Japan Trip 2016 ย้อนหลัง
Japan Trip 2016 : Ep01 การเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
Japan Trip 2016 : Ep02 มุ่งสู่โตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น
Japan Trip 2016 : Ep03 เดินชมวิวยามเช้าที่อาซาคุสะ
Japan Trip 2016 : Ep04 เช่ากิโมโนใส่เดินเล่นที่วัดเซนโซจิและริมแม่น้ำสุมิดะ
Japan Trip 2016 : Ep05 ฟินๆ กับถิ่นกำเนิดของสาวๆ วง AKB48
Japan Trip 2016 : Ep06 ชมซากุระและภูเขาไฟฟูจิที่ Chureito Pagoda
Japan Trip 2016 : Ep07 แวะศาลเจ้าเมจิ โอโมเตะซันโด และชิบุยะ
Japan Trip 2016 : Ep08 Gotokuji วัดนี้มีแต่แมวนางกวัก /ᐠ ._. ᐟ\ﾉ
Japan Trip 2016 : Ep09 ฟินสุดติ่งที่ Fujiko·F·Fujio Museum
Japan Trip 2016 : Ep10 นัดเจอเพื่อนคนไทยในโตเกียว
Japan Trip 2016 : Ep11 ทานข้าวกล่อง Ekiben บนรถไฟชินคันเซ็น
Japan Trip 2016 : Ep12 ภารกิจชมซากุระที่ Funaoka Castle Ruin Park
ナナ～♪
