DiaryTravelJapan
Japan Trip 2016 : Ep09 ฟินสุดติ่งที่ Fujiko·F·Fujio Museum
ได้ออกจากห้องพักแต่เช้าเพื่อลองสัมผัสประสบการณ์การเดินทางแบบเพียงลำพัง โดยเริ่มต้นจากวัด Gotokuji ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องแมวนางกวักที่ตอนแรกทำเอาเราเกือบใจแป้วไปแล้วววว 55555
หลังจากที่ฟินกับแมวนางกวักที่ได้ชมกันแบบจุใจไปแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังสถานที่ในฝันที่ตัวเองอยากไปมานานแล้ว กับ "Fujiko·F·Fujio Museum"
"Fujiko·F·Fujio Museum" อยู่ในเขตจังหวัดคานากาวะ ซึ่งสถานีตั้งต้นที่ใกล้ที่สุดในการเดินทางไปพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ สถานี "Noborito"

สถานี "Noborito" นี้ เราสามารถเดินทางได้ทั้งแบบรถไฟโอดะคิวหรือรถไฟเจอาร์ก็ได้ค่ะ แต่จากบล็อกนี้ นะเริ่มต้นจากการเดินทางมาด้วยรถไฟสายโอดะคิวนะ ^^
เมื่อมาถึงสถานี "Noborito" แล้ว ก็หาทางออกมาตามปกติ จากนั้นก็ให้สังเกตที่ป้าย "Bus" และ "Taxi" ค่ะ เมื่อหาเจอแล้วก็เดินตามป้ายบอกทางเลย

เมื่อเดินมาถึงจุดจอดรถบัสแล้ว เราก็จะได้เห็นรถบัสลายการ์ตูนคิตตี้และผองเพื่อนสุดน่ารัก แต่... นั่นยังไม่ใช่รถบัสที่จะไปยัง Fujiko·F·Fujio Museum หรอกนะ!!

ให้เราสังเกตตรงเสา จะมีป้ายบอกจุดขึ้นรถต่อค่ะ ทางไปขึ้นรถบัสเพื่อไปยัง Fujiko·F·Fujio Museum อยู่ที่ด้านบนสุดเลย ต้องเดินไปต่ออีก 40 เมตร นะ ^^"

จากนั้นเราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งจุดจอดรถจะอยู่ด้านหน้าสุดนู่นเลย และสังเกตได้ไม่ยากด้วยนะ โดยเฉพาะตัวรถบัสที่ทำออกมาเป็นตัวการ์ตูนตามสไตล์ Fujiko·F·Fujio ซึ่งค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เอามากๆ เลยล่ะ ส่วนราคาถ้าจำไม่ผิดจะตกเที่ยวละ 210 เยน



พอขึ้นรถคันนั้นไปได้ซักพักหนึ่ง ก็ออกเดินทาง ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานมาก ราวๆ 10 นาทีก็ถึงที่หมายแล้วล่ะ

โปรดสังเกตว่าตรงรั้วทางเข้าด้านหน้านี่มันช่างเด่นแอบแฝงซะเหลือเกินนน 5555

ตอนที่นะไปถึงที่หมาย ยังไม่ใช่เวลาเปิดทำการ เลยต้องต่อแถวรอสแตนด์บายหน้าพิพิธภัณฑ์ก่อน ซึ่งพนักงานก็ต้อนรับดีมากๆ เลยล่ะค่ะ ระหว่างที่รอก็ได้รับแผ่นพับ รวมถึงยังได้ถ่ายรูปดิสเพลย์ที่ตั้งโชว์อยู่หน้าพิพิธภัณฑ์มาส่วนหนึ่งด้วย ><


เมื่อรอได้ซักพักหนึ่ง ก็ถึงเวลา 10.00 น. พอดี พนักงานก็เปิดประตูต้อนรับและคอยแนะนำเรื่องการเข้าชมและข้อห้ามต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
Fujiko·F·Fujio Museum จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งส่วนที่ถ่ายรูปได้ก็จะมีตรงบริเวณชั้น 2 บางส่วน (ที่ไม่ใช่โซนนิทรรศการ) และบริเวณชั้น 3 ที่เป็นลานดาดฟ้าและคาเฟ่ นอกนั้นไม่สามารถถ่ายรูปได้ค่ะ
สำหรับใครที่มีสัมภาระและต้องการฝากของ ที่นี่ก็มีล็อกเกอร์ไว้คอยให้บริการด้วย ซึ่งต้องหยอดเหรียญ 100 เยนเป็นประกันค่ะ ซึ่งเหรียญนี้จะได้คืนตอนที่เราไปเอาของคืนจากล็อกเกอร์ ใครที่ฝากของกับล็อกเกอร์แล้วก็อย่าทำกุญแจหายเชียวล่ะ ^^"
ในโซนแรก ซึ่งก็คือชั้น 1 และชั้น 2 จะเป็นนิทรรศการแสดงประวัติของ Fujiko·F·Fujio นักวาดการ์ตูนในระดับตำนานของวงการการ์ตูนญี่ปุ่นที่ฝากผลงานไว้อย่างมากมาย และการ์ตูนที่สร้างชื่อเสียงให้กับเจ้าตัวก็คือ "โดราเอมอน"
ในส่วนนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้ เลยไม่มีภาพออกมาให้ได้ชมกันค่ะ แต่ถึงจะไม่มีภาพให้ชม งานนี้นะเองก็ได้มีโอกาสเห็นต้นฉบับและสิ่งต่างๆ มากมายที่ไม่ได้มีให้เห็นได้ง่ายๆ เลยทีเดียวล่ะ และบางส่วนตรงบริเวณที่มีเสียงบรรยายนั้น เราสามารถนำเครื่องฟังบรรยายที่แลกมาจากทางเข้ามากดหมายเลขที่ต้องการแล้วนำมาแนบกับหูเพื่อฟังได้ ซึ่งนอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังมีภาษาอังกฤษไว้คอยให้บริการด้วยค่ะ
และเมื่อเดินผ่านโซนนิทรรศการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมาถึงโซนที่เรียกว่า "Manga Corrner" ซึ่งตรงนี้จะเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนโดยเฉพาะเลย

และบริเวณที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นก็คือ โซน "People's Plaza" ซึ่งเป็นโซนที่ทุกคนสามารถเล่นสนุกไปกับเกมต่างๆ รวมไปถึงการกดตู้ไข่กาจาปองและการถ่ายรูปพุริคุระเป็นที่ระลึก




ตอนแรกนะกะว่าจะมากดตู้ไข่ก่อน แต่...เหรียญ 100 เยนมีไม่พอ... คงต้องหาอะไรทานก่อน ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกหิวด้วย ฮาาา ดังนั้นก็เลยเปลี่ยนแผนมาที่ชั้นสามก่อนค่ะ กับโซน "Rooftop Playground"

ตรงโซนนี้จะทำออกมาเป็นลานดาดฟ้ากว้างๆ ซึ่งจะมีการนำตัวรูปปั้นการ์ตูนจากเรื่องต่างๆ เข้ามาแซมให้พวกเราได้ถ่ายรูปเล่นกันค่ะ และที่เห็นสนามหญ้าทำออกมาแบบกลมๆ นี้ เพราะถ้าดูจากแปลนแล้วจะกลายเป็นตาโดราเอมอนล่ะ ^^
และแน่นอนว่าต้องไปที่ไฮไลท์ของที่นี่ก่อน กับจุดนี้ "Piisuke's Lake"

ตอนที่มาคราวนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาที่คนส่วนใหญ่เดินทางไปเรียนหรือไปทำงานกัน แต่ก็มีอีกหลายครอบครัวที่พาลูกเล็กเด็กแดงมาเที่ยวด้วย น่ารักจริงๆ ^^
แน่นอนว่ามาถึงที่นี่ทั้งที งานเซลฟี่ก็ต้องมานะฮ้าาา แชะ!!

และบริเวณใกล้ๆ กับเจ้าพีซูเกะ ก็ยังมีประตูไปไหนก็ได้ และจุดที่โดราเอมอนเดินโดยมีที่นั่งซึ่งเป็นท่อน้ำเป็นแบ็คกราวน์ตั้งอยู่ด้วย


หลังจากที่ใช้เวลาในการถ่ายรูปมาพอสมควร... ท้องก็ร้องจ๊อกๆ แล้ว เนื่องจากว่ายังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า ก็เลยถือโอกาสฝากท้องไว้กับคาเฟ่ที่นี่เลยละกัน 5555

คาเฟ่ที่นี่ก็เป็นจุดขายอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ ซึ่งก็จะมีทั้งอาหารหลัก อาหารหวาน เครื่องดื่มให้เลือกมากมาย และบางเมนูนี่ก็มีออกมาแบบเฉพาะกิจด้วย

เนื่องจากว่า ครั้งจะให้นะสั่งอาหารมาทั้งร้านก็คงทานไม่หมดและคงจะได้กินแกลบแน่นอน... เลยขอเลือกสั่งมาทานส่วนหนึ่งได้ตามนี้จ้าา >w<

เมนูแรก เรียกว่า "โดเรียมอน" (Doriamon) ซึ่งมันก็คือ "โดเรีย" อาหารฝรั่งสัญชาติญี่ปุ่นซึ่งเป็นการนำข้าวราดไวท์ซอส โรยหน้าด้วยชีส แล้วก็นำไปอบให้ชีสไหม้และมีกลิ่นหอม ว่ากันว่าอารมณ์คล้ายๆ กราแตงที่ด้านล่างเป็นข้าวค่ะ
สำหรับ "โดเรียมอน" ที่สั่งมานี้ก็พิมพ์ออกมาเป็นลายโดราเอมอนในชุดยุคหิน ซึ่งอยู่ในภาพยนตร์ตอนพิเศษ (รีเมค) ประจำปีนี้ด้วยนะ เลยไม่แน่ใจว่าเมนูนี้จะมีวางขายในระยะเวลาจำกัดหรือเปล่าค่ะ ส่วนแก้วสีขาวข้างๆ เห็นทีแรกนึกว่าน้ำชา แต่พอได้ลองจิบเข้าไปนี่... น้ำซุปชัดๆ 5555 แต่ก็อร่อยดีนะ ส่วนตัวโดเรียนั้นก็เพิ่งได้มีโอกาสทานเป็นครั้งแรกด้วย อร่อยมากๆ
และเครื่องดื่มที่เลือกสั่งมาทานก็คือ... "โนบิจุ๊ยส์" (Nobi's Juice)

ถ้าใครเคยอ่านมังงะหรือเคยดูอนิเมะตอนเก่าๆ มันจะมีตอนหนึ่งที่โนบิตะใช้เครื่องมือวิเศษของโดราเอมอนสรรสร้างน้ำผลไม้สุดอร่อยออกมาด้วยค่ะ ตอนที่นะสั่งเครื่องดื่มนี้ไป นะก็ถามพนักงานเหมือนกันว่ามันคือน้ำอะไร? ซึ่งพนักงานไม่ตอบ บอกได้แค่ว่ารสชาติออกเปรี้ยวๆ หวานๆ 5555 ซึ่งรสชาติมันก็ออกมาตามนี้แล บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำมาจากอะไร แต่ก็อร่อยดีนะ ^^
ส่วนของหวานนั้น ตอนแรกว่าจะสั่งขนมปังช่วยจำที่คนที่ไปรีวิวหลายคนมักจะสั่งกัน แต่เนื่องจากรู้สึกว่ากำลังเริ่มอิ่มได้ที่ ก็เลยขอสั่งเมนู "Dora Mimi Cheesecake" มาทานแทน เพราะชิ้นไม่ใหญ่มากค่ะ ซึ่งตัวชิ้นเค้กนี้ก็ทำออกมาให้เป็นส่วนของใบหูโดราเอมอนสมัยที่ยังเป็นหุ่นยนต์แมวเอ๊าะและตัวยังเป็นสีเหลืองอยู่ 5555 ส่วนตัวหน้าโดราเอมอนก็มีทั้งซอสสีเหลือง ซึ่งน่าจะเป็นซอสมะม่วงหรือเสาวรส และลายเส้นสีน้ำตาลที่คาดว่าน่าจะเป็นผงช็อกโกแลต เอาจริงๆ แอบทำใจนิดนึงก่อนรับประทาน เพราะทำใจทานไม่ลงเลยทีเดียว ฮาาา ><"

หลังจากที่ทานจนอิ่มท้องแล้ว ก็ได้เวลาเดินเที่ยวชมเก็บตกต่อให้ครบ โดยเริ่มจากส่วนของดาดฟ้าที่เหลืออยู่จ้า ซึ่งก็จะได้เห็นปาร์แมน โดรามี่ และผีน้อยคิวทาโร่ออกมาทักทายด้วย



นอกจากนี้ก็ยังมีตรงที่เดินลงบันไดวนมายังชั้นสอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นหินโดราเอมอนที่โดนสาปเมื่อตอนผจญภัยโลกเวทย์มนตร์

จากนั้น นะก็กลับมายังตรงที่กดกาจาปอง เพื่อทำการหยอดเหรียญสุ่มของออกมา ฮาาาา (และอีนี่ก็เพิ่งสังเกตว่า มันมีที่แลกเหรียญอัตโนมัติด้วย...ทามมายเพิ่งเห็นนน อ๊ากกกก)
และนี่ก็เป็นของที่ได้จากการกดตู้กาจาปองทั้ง 2 แบบค่ะ มีทั้งตัวจิมปุยและโดรามี่เลย ^^


และอีกหนึ่งอย่างที่ได้ลองก็คือ การถ่ายพุริคุระเป้นที่ระลึกค่ะ ชอบมากๆ >w<

หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ ก็ยังนึกขึ้นได้อีกหนึ่งอย่างก็คือ การเข้าชมหนังการ์ตูนสั้นๆ ในเธียเตอร์ ที่เราจะได้รับตั๋วตรงประตูทางเข้า ซึ่งที่นี่เค้าจะมีให้ชมเป็นรอบๆ ค่ะ ใครมาแล้วก็อย่าลืมใช้สิทธิ์เข้าชมกันน้าา ...และแน่นอนว่าในส่วนนี้ เขาไม่ให้ถ่ายรูปภายในเธียเตอร์ ก็เอาแค่รูปตั๋วหนังให้ดูไปละกานน 555

และอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้องไปถ่ายรูป "ไจแอนท์" ตอนเวอร์ชั่นหล่อด้วยนะ ซึ่งก็อยู่ในโซนชั้น 2 นี่แหละ ใครมาถึงที่แล้ว ห้ามพลาดดด XD

แน่นอนว่า เมื่อได้เดินดูพิพิธภัณฑ์จนจุใจแล้ว ก็ต้องมีโซนสำหรับเลือกซื้อของฝากและของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ซึ่งจะอยู่ตรงบริเวณชั้น 1 ตรงจุดใกล้ทางออกค่ะ และงานนี้ ยอมรับเลยว่าเสียทรัพย์ไปหลายพันเยนเลยทีเดียว... ทั้งๆ ที่ปกติไม่ค่อยได้เสียทรัพย์เยอะขนาดนี้เท่าไหร่ 5555
ส่วนของที่ซื้อมา ก็ได้เอามารวมถ่ายตอนที่กลับมาถึงที่พักแล้วนี่แหละนะ ค่าเสียหายหมดไป 6,000 กว่าเยน เทียบเป็นเงินไทยได้ 2,000 กว่าบาท

แต่ก็เอาเถอะ นานๆ ทีจะได้มาเที่ยวฟินสุดติ่งอะไรแบบนี้ ...ก็คนมันชอบนี่นา เนาะ ^^
สำหรับบันทึก Japan Trip ในวันฟรีเดย์ของนะเองก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีกิจกรรมในช่วงบ่ายต่ออีก ซึ่งจะขอเอามาเล่าในตอนหน้าทีเดียวเลยนะ อย่าลืมติดตามกันล่ะ ><"
ปล. อย่าลืมติดตามอ่านบันทึกของคุณเพื่อนร่วมทริปด้วยนะ ล่าสุด เจ้าตัวอัพตอนที่ 5 แล้ว เกี่ยวกับภารกิจสุดติ่งในวันฟรีเดย์ของนาง ฮุๆๆๆ~~
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก by hades072
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 1 แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้ว!!
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 2 แปลงโฉมเป็นสาวญี่ปุ่น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 3 ดูวิวฟูจิ ณ เจดีย์ห้าชั้น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 4 ภารกิจติ่งๆ ภาคโหมโรง
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 5 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part I
อ่านบันทึกการเดินทาง Japan Trip 2016 ย้อนหลัง
Japan Trip 2016 : Ep01 การเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
Japan Trip 2016 : Ep02 มุ่งสู่โตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น
Japan Trip 2016 : Ep03 เดินชมวิวยามเช้าที่อาซาคุสะ
Japan Trip 2016 : Ep04 เช่ากิโมโนใส่เดินเล่นที่วัดเซนโซจิและริมแม่น้ำสุมิดะ
Japan Trip 2016 : Ep05 ฟินๆ กับถิ่นกำเนิดของสาวๆ วง AKB48
Japan Trip 2016 : Ep06 ชมซากุระและภูเขาไฟฟูจิที่ Chureito Pagoda
Japan Trip 2016 : Ep07 แวะศาลเจ้าเมจิ โอโมเตะซันโด และชิบุยะ
Japan Trip 2016 : Ep08 Gotokuji วัดนี้มีแต่แมวนางกวัก /ᐠ ._. ᐟ\ノ
ナナ~♪
สถานี "Noborito" นี้ เราสามารถเดินทางได้ทั้งแบบรถไฟโอดะคิวหรือรถไฟเจอาร์ก็ได้ค่ะ แต่จากบล็อกนี้ นะเริ่มต้นจากการเดินทางมาด้วยรถไฟสายโอดะคิวนะ ^^
เมื่อมาถึงสถานี "Noborito" แล้ว ก็หาทางออกมาตามปกติ จากนั้นก็ให้สังเกตที่ป้าย "Bus" และ "Taxi" ค่ะ เมื่อหาเจอแล้วก็เดินตามป้ายบอกทางเลย
เมื่อเดินมาถึงจุดจอดรถบัสแล้ว เราก็จะได้เห็นรถบัสลายการ์ตูนคิตตี้และผองเพื่อนสุดน่ารัก แต่... นั่นยังไม่ใช่รถบัสที่จะไปยัง Fujiko·F·Fujio Museum หรอกนะ!!
ให้เราสังเกตตรงเสา จะมีป้ายบอกจุดขึ้นรถต่อค่ะ ทางไปขึ้นรถบัสเพื่อไปยัง Fujiko·F·Fujio Museum อยู่ที่ด้านบนสุดเลย ต้องเดินไปต่ออีก 40 เมตร นะ ^^"
จากนั้นเราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งจุดจอดรถจะอยู่ด้านหน้าสุดนู่นเลย และสังเกตได้ไม่ยากด้วยนะ โดยเฉพาะตัวรถบัสที่ทำออกมาเป็นตัวการ์ตูนตามสไตล์ Fujiko·F·Fujio ซึ่งค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เอามากๆ เลยล่ะ ส่วนราคาถ้าจำไม่ผิดจะตกเที่ยวละ 210 เยน
พอขึ้นรถคันนั้นไปได้ซักพักหนึ่ง ก็ออกเดินทาง ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานมาก ราวๆ 10 นาทีก็ถึงที่หมายแล้วล่ะ
โปรดสังเกตว่าตรงรั้วทางเข้าด้านหน้านี่มันช่างเด่นแอบแฝงซะเหลือเกินนน 5555
ตอนที่นะไปถึงที่หมาย ยังไม่ใช่เวลาเปิดทำการ เลยต้องต่อแถวรอสแตนด์บายหน้าพิพิธภัณฑ์ก่อน ซึ่งพนักงานก็ต้อนรับดีมากๆ เลยล่ะค่ะ ระหว่างที่รอก็ได้รับแผ่นพับ รวมถึงยังได้ถ่ายรูปดิสเพลย์ที่ตั้งโชว์อยู่หน้าพิพิธภัณฑ์มาส่วนหนึ่งด้วย ><

เมื่อรอได้ซักพักหนึ่ง ก็ถึงเวลา 10.00 น. พอดี พนักงานก็เปิดประตูต้อนรับและคอยแนะนำเรื่องการเข้าชมและข้อห้ามต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
Fujiko·F·Fujio Museum จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งส่วนที่ถ่ายรูปได้ก็จะมีตรงบริเวณชั้น 2 บางส่วน (ที่ไม่ใช่โซนนิทรรศการ) และบริเวณชั้น 3 ที่เป็นลานดาดฟ้าและคาเฟ่ นอกนั้นไม่สามารถถ่ายรูปได้ค่ะ
สำหรับใครที่มีสัมภาระและต้องการฝากของ ที่นี่ก็มีล็อกเกอร์ไว้คอยให้บริการด้วย ซึ่งต้องหยอดเหรียญ 100 เยนเป็นประกันค่ะ ซึ่งเหรียญนี้จะได้คืนตอนที่เราไปเอาของคืนจากล็อกเกอร์ ใครที่ฝากของกับล็อกเกอร์แล้วก็อย่าทำกุญแจหายเชียวล่ะ ^^"
ในโซนแรก ซึ่งก็คือชั้น 1 และชั้น 2 จะเป็นนิทรรศการแสดงประวัติของ Fujiko·F·Fujio นักวาดการ์ตูนในระดับตำนานของวงการการ์ตูนญี่ปุ่นที่ฝากผลงานไว้อย่างมากมาย และการ์ตูนที่สร้างชื่อเสียงให้กับเจ้าตัวก็คือ "โดราเอมอน"
ในส่วนนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้ เลยไม่มีภาพออกมาให้ได้ชมกันค่ะ แต่ถึงจะไม่มีภาพให้ชม งานนี้นะเองก็ได้มีโอกาสเห็นต้นฉบับและสิ่งต่างๆ มากมายที่ไม่ได้มีให้เห็นได้ง่ายๆ เลยทีเดียวล่ะ และบางส่วนตรงบริเวณที่มีเสียงบรรยายนั้น เราสามารถนำเครื่องฟังบรรยายที่แลกมาจากทางเข้ามากดหมายเลขที่ต้องการแล้วนำมาแนบกับหูเพื่อฟังได้ ซึ่งนอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังมีภาษาอังกฤษไว้คอยให้บริการด้วยค่ะ
และเมื่อเดินผ่านโซนนิทรรศการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมาถึงโซนที่เรียกว่า "Manga Corrner" ซึ่งตรงนี้จะเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนโดยเฉพาะเลย
และบริเวณที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นก็คือ โซน "People's Plaza" ซึ่งเป็นโซนที่ทุกคนสามารถเล่นสนุกไปกับเกมต่างๆ รวมไปถึงการกดตู้ไข่กาจาปองและการถ่ายรูปพุริคุระเป็นที่ระลึก
ตอนแรกนะกะว่าจะมากดตู้ไข่ก่อน แต่...เหรียญ 100 เยนมีไม่พอ... คงต้องหาอะไรทานก่อน ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกหิวด้วย ฮาาา ดังนั้นก็เลยเปลี่ยนแผนมาที่ชั้นสามก่อนค่ะ กับโซน "Rooftop Playground"
ตรงโซนนี้จะทำออกมาเป็นลานดาดฟ้ากว้างๆ ซึ่งจะมีการนำตัวรูปปั้นการ์ตูนจากเรื่องต่างๆ เข้ามาแซมให้พวกเราได้ถ่ายรูปเล่นกันค่ะ และที่เห็นสนามหญ้าทำออกมาแบบกลมๆ นี้ เพราะถ้าดูจากแปลนแล้วจะกลายเป็นตาโดราเอมอนล่ะ ^^
และแน่นอนว่าต้องไปที่ไฮไลท์ของที่นี่ก่อน กับจุดนี้ "Piisuke's Lake"
ตอนที่มาคราวนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาที่คนส่วนใหญ่เดินทางไปเรียนหรือไปทำงานกัน แต่ก็มีอีกหลายครอบครัวที่พาลูกเล็กเด็กแดงมาเที่ยวด้วย น่ารักจริงๆ ^^
แน่นอนว่ามาถึงที่นี่ทั้งที งานเซลฟี่ก็ต้องมานะฮ้าาา แชะ!!
และบริเวณใกล้ๆ กับเจ้าพีซูเกะ ก็ยังมีประตูไปไหนก็ได้ และจุดที่โดราเอมอนเดินโดยมีที่นั่งซึ่งเป็นท่อน้ำเป็นแบ็คกราวน์ตั้งอยู่ด้วย
หลังจากที่ใช้เวลาในการถ่ายรูปมาพอสมควร... ท้องก็ร้องจ๊อกๆ แล้ว เนื่องจากว่ายังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า ก็เลยถือโอกาสฝากท้องไว้กับคาเฟ่ที่นี่เลยละกัน 5555
คาเฟ่ที่นี่ก็เป็นจุดขายอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ ซึ่งก็จะมีทั้งอาหารหลัก อาหารหวาน เครื่องดื่มให้เลือกมากมาย และบางเมนูนี่ก็มีออกมาแบบเฉพาะกิจด้วย
เนื่องจากว่า ครั้งจะให้นะสั่งอาหารมาทั้งร้านก็คงทานไม่หมดและคงจะได้กินแกลบแน่นอน... เลยขอเลือกสั่งมาทานส่วนหนึ่งได้ตามนี้จ้าา >w<
เมนูแรก เรียกว่า "โดเรียมอน" (Doriamon) ซึ่งมันก็คือ "โดเรีย" อาหารฝรั่งสัญชาติญี่ปุ่นซึ่งเป็นการนำข้าวราดไวท์ซอส โรยหน้าด้วยชีส แล้วก็นำไปอบให้ชีสไหม้และมีกลิ่นหอม ว่ากันว่าอารมณ์คล้ายๆ กราแตงที่ด้านล่างเป็นข้าวค่ะ
สำหรับ "โดเรียมอน" ที่สั่งมานี้ก็พิมพ์ออกมาเป็นลายโดราเอมอนในชุดยุคหิน ซึ่งอยู่ในภาพยนตร์ตอนพิเศษ (รีเมค) ประจำปีนี้ด้วยนะ เลยไม่แน่ใจว่าเมนูนี้จะมีวางขายในระยะเวลาจำกัดหรือเปล่าค่ะ ส่วนแก้วสีขาวข้างๆ เห็นทีแรกนึกว่าน้ำชา แต่พอได้ลองจิบเข้าไปนี่... น้ำซุปชัดๆ 5555 แต่ก็อร่อยดีนะ ส่วนตัวโดเรียนั้นก็เพิ่งได้มีโอกาสทานเป็นครั้งแรกด้วย อร่อยมากๆ
และเครื่องดื่มที่เลือกสั่งมาทานก็คือ... "โนบิจุ๊ยส์" (Nobi's Juice)
ถ้าใครเคยอ่านมังงะหรือเคยดูอนิเมะตอนเก่าๆ มันจะมีตอนหนึ่งที่โนบิตะใช้เครื่องมือวิเศษของโดราเอมอนสรรสร้างน้ำผลไม้สุดอร่อยออกมาด้วยค่ะ ตอนที่นะสั่งเครื่องดื่มนี้ไป นะก็ถามพนักงานเหมือนกันว่ามันคือน้ำอะไร? ซึ่งพนักงานไม่ตอบ บอกได้แค่ว่ารสชาติออกเปรี้ยวๆ หวานๆ 5555 ซึ่งรสชาติมันก็ออกมาตามนี้แล บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำมาจากอะไร แต่ก็อร่อยดีนะ ^^
ส่วนของหวานนั้น ตอนแรกว่าจะสั่งขนมปังช่วยจำที่คนที่ไปรีวิวหลายคนมักจะสั่งกัน แต่เนื่องจากรู้สึกว่ากำลังเริ่มอิ่มได้ที่ ก็เลยขอสั่งเมนู "Dora Mimi Cheesecake" มาทานแทน เพราะชิ้นไม่ใหญ่มากค่ะ ซึ่งตัวชิ้นเค้กนี้ก็ทำออกมาให้เป็นส่วนของใบหูโดราเอมอนสมัยที่ยังเป็นหุ่นยนต์แมวเอ๊าะและตัวยังเป็นสีเหลืองอยู่ 5555 ส่วนตัวหน้าโดราเอมอนก็มีทั้งซอสสีเหลือง ซึ่งน่าจะเป็นซอสมะม่วงหรือเสาวรส และลายเส้นสีน้ำตาลที่คาดว่าน่าจะเป็นผงช็อกโกแลต เอาจริงๆ แอบทำใจนิดนึงก่อนรับประทาน เพราะทำใจทานไม่ลงเลยทีเดียว ฮาาา ><"
หลังจากที่ทานจนอิ่มท้องแล้ว ก็ได้เวลาเดินเที่ยวชมเก็บตกต่อให้ครบ โดยเริ่มจากส่วนของดาดฟ้าที่เหลืออยู่จ้า ซึ่งก็จะได้เห็นปาร์แมน โดรามี่ และผีน้อยคิวทาโร่ออกมาทักทายด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีตรงที่เดินลงบันไดวนมายังชั้นสอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นหินโดราเอมอนที่โดนสาปเมื่อตอนผจญภัยโลกเวทย์มนตร์
จากนั้น นะก็กลับมายังตรงที่กดกาจาปอง เพื่อทำการหยอดเหรียญสุ่มของออกมา ฮาาาา (และอีนี่ก็เพิ่งสังเกตว่า มันมีที่แลกเหรียญอัตโนมัติด้วย...ทามมายเพิ่งเห็นนน อ๊ากกกก)
และนี่ก็เป็นของที่ได้จากการกดตู้กาจาปองทั้ง 2 แบบค่ะ มีทั้งตัวจิมปุยและโดรามี่เลย ^^
และอีกหนึ่งอย่างที่ได้ลองก็คือ การถ่ายพุริคุระเป้นที่ระลึกค่ะ ชอบมากๆ >w<
หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ ก็ยังนึกขึ้นได้อีกหนึ่งอย่างก็คือ การเข้าชมหนังการ์ตูนสั้นๆ ในเธียเตอร์ ที่เราจะได้รับตั๋วตรงประตูทางเข้า ซึ่งที่นี่เค้าจะมีให้ชมเป็นรอบๆ ค่ะ ใครมาแล้วก็อย่าลืมใช้สิทธิ์เข้าชมกันน้าา ...และแน่นอนว่าในส่วนนี้ เขาไม่ให้ถ่ายรูปภายในเธียเตอร์ ก็เอาแค่รูปตั๋วหนังให้ดูไปละกานน 555
และอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้องไปถ่ายรูป "ไจแอนท์" ตอนเวอร์ชั่นหล่อด้วยนะ ซึ่งก็อยู่ในโซนชั้น 2 นี่แหละ ใครมาถึงที่แล้ว ห้ามพลาดดด XD
แน่นอนว่า เมื่อได้เดินดูพิพิธภัณฑ์จนจุใจแล้ว ก็ต้องมีโซนสำหรับเลือกซื้อของฝากและของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ซึ่งจะอยู่ตรงบริเวณชั้น 1 ตรงจุดใกล้ทางออกค่ะ และงานนี้ ยอมรับเลยว่าเสียทรัพย์ไปหลายพันเยนเลยทีเดียว... ทั้งๆ ที่ปกติไม่ค่อยได้เสียทรัพย์เยอะขนาดนี้เท่าไหร่ 5555
ส่วนของที่ซื้อมา ก็ได้เอามารวมถ่ายตอนที่กลับมาถึงที่พักแล้วนี่แหละนะ ค่าเสียหายหมดไป 6,000 กว่าเยน เทียบเป็นเงินไทยได้ 2,000 กว่าบาท
แต่ก็เอาเถอะ นานๆ ทีจะได้มาเที่ยวฟินสุดติ่งอะไรแบบนี้ ...ก็คนมันชอบนี่นา เนาะ ^^
สำหรับบันทึก Japan Trip ในวันฟรีเดย์ของนะเองก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีกิจกรรมในช่วงบ่ายต่ออีก ซึ่งจะขอเอามาเล่าในตอนหน้าทีเดียวเลยนะ อย่าลืมติดตามกันล่ะ ><"
ปล. อย่าลืมติดตามอ่านบันทึกของคุณเพื่อนร่วมทริปด้วยนะ ล่าสุด เจ้าตัวอัพตอนที่ 5 แล้ว เกี่ยวกับภารกิจสุดติ่งในวันฟรีเดย์ของนาง ฮุๆๆๆ~~
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก by hades072
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 1 แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้ว!!
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 2 แปลงโฉมเป็นสาวญี่ปุ่น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 3 ดูวิวฟูจิ ณ เจดีย์ห้าชั้น
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 4 ภารกิจติ่งๆ ภาคโหมโรง
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 5 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part I
อ่านบันทึกการเดินทาง Japan Trip 2016 ย้อนหลัง
Japan Trip 2016 : Ep01 การเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
Japan Trip 2016 : Ep02 มุ่งสู่โตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น
Japan Trip 2016 : Ep03 เดินชมวิวยามเช้าที่อาซาคุสะ
Japan Trip 2016 : Ep04 เช่ากิโมโนใส่เดินเล่นที่วัดเซนโซจิและริมแม่น้ำสุมิดะ
Japan Trip 2016 : Ep05 ฟินๆ กับถิ่นกำเนิดของสาวๆ วง AKB48
Japan Trip 2016 : Ep06 ชมซากุระและภูเขาไฟฟูจิที่ Chureito Pagoda
Japan Trip 2016 : Ep07 แวะศาลเจ้าเมจิ โอโมเตะซันโด และชิบุยะ
Japan Trip 2016 : Ep08 Gotokuji วัดนี้มีแต่แมวนางกวัก /ᐠ ._. ᐟ\ノ
ナナ~♪