インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ

ナナのブログへようこそ!

ミャー♪ヽ(∇⌒= ) ยินดีต้อนรับสู่ Blog ของ "นานะ" ( =⌒∇)ノミャー♪

JapanThaiBNK48

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?


ตามที่เคยได้อัพเดตข่าวคราวเกี่ยวกับการประกาศก่อตั้งวง BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในประเทศไทย จนไปถึงข่าวคราวและรีวิวงานอีเว้นท์ครั้งแรกของวงในชื่องาน “We need you BNK48” ไปแล้ว

แต่เพียงแค่รายละเอียดการรับสมัครออดิชั่นของวง BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ได้ปรากฏเปิดเผยต่อสาธารณชน ก็เกิดประเด็นดราม่าถกเถียงกันซะแล้วในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องของ “การศึกษา” ที่ทำเอาแฮชแท็ก #BNK48 ในทวิตเตอร์ติดอันดับเทรนด์ไทยไปได้พักใหญ่ๆ

และจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เลยทำให้หัวสมองของตัวเองเกิดการตกผลึกจนทำให้ตัดสินใจที่จะลองเขียนบทความหนึ่งออกมาเกี่ยวกับการมาของ BNK48 ต่อสังคมไทย ซึ่งบทความที่เขียนขึ้นนี้ เป็นบทความที่เขียนขึ้นเฉพาะมุมมองของตัวเองจากการที่ได้ตามข่าวและได้อ่านความคิดเห็นทั้งจากเว็บไซต์และโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Pantip ทั้งของในหมู่คนที่เป็นแฟนคลับสาวๆ ตระกูล 48 อยู่แล้ว และในหมู่คนที่ไม่ได้ตามสาวๆ วงนี้แบบจริงจัง นอกจากนี้ บทความดังกล่าวก็ได้ถูกเขียนขึ้นมาจากการที่ตัวเองได้คลุกคลีกับการติดตามข่าวสารบันเทิงทั้งจากฝั่งไทยและฝั่งญี่ปุ่นมานานหลายปีค่ะ


การตีความหมายของคำว่า “ไอดอล” ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น

คำว่า “ไอดอล” (Idol) เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษ หมายถึง “คนหรือสิ่งที่ได้รับความชื่นชมหรือคลั่งไคล้อย่างมาก”

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?


Cr: okmusic.jp


สำหรับในญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเด็กหนุ่มหรือเด็กสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารักออกมาร้องเพลงและแสดงบนเวที ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องร้องและเต้นเป๊ะเสมอไป บางครั้งแค่คาแรกเตอร์โดดเด่น เป็นที่จดจำ และดูแล้วน่าเอาใจช่วยให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นก็เพียงพอแล้วที่เหล่าแฟนคลับพร้อมที่จะเปย์อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมพบปะกับเหล่าบรรดาแฟนคลับในรูปแบบต่างๆ ทั้ง Meet&Greet, งานจับมือ, งานถ่ายรูปคู่, งานอีเว้นท์ต่างๆ และงานคอนเสิร์ต ฯลฯ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่จะมาเป็นไอดอลในญี่ปุ่นเองก็ต้องมีประวัติใสสะอาดเหมือนกัน เพราะถ้าเกิดวันดีคืนดีถูกขุดหรือถูกจับขึ้นมาได้ว่ามีแฟนที่กำลังคบหาอยู่หรือทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างดื่มเหล้า สูบบุหรี่แล้วล่ะก็ อาจจะถูกให้ออกจากการเป็นไอดอลและอาจหายไปจากวงการได้เลย เพราะเหล่าแฟนคลับเขาค่อนข้างแรงกับเรื่องเหล่านี้มาก ถึงขั้นจุดไฟเผารูปถ่าย อัลบั้มเพลง และของสะสมต่างๆ เกี่ยวกับคนที่ตัวเองชอบเลยทีเดียว

คนที่อยู่ในฐานะไอดอลนั้นส่วนใหญ่จะมีอายุการทำงานค่อนข้างสั้น คือ โดยเฉลี่ยจะไม่เกินอายุ 25 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีส่วนน้อยที่มีอายุการทำงานค่อนข้างยาวนาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไอดอลหนุ่มๆ เช่นวง Arashi และวง SMAP ที่มีผลงานอย่างต่อเนื่องและเป็นขวัญใจของประชาชนทั้งประเทศค่ะ

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?


Arashi

Cr: www.jpopasia.com


การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?


SMAP

Cr: www.jpopthailand.com


สำหรับเมืองไทยของเรานั้น คำว่า “ไอดอล” สำหรับคนไทยไม่ได้เป็นไปตามแบบของญี่ปุ่นเลย หากแต่คำว่า “ไอดอล” ตามความหมายในหมู่คนไทยนั้นก็คือการที่เหล่าคนในวงการบันเทิงเบื้องหน้าทั้งคนที่มาจากสายนักร้อง นักแสดง และสายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในเรื่องของผลงานการแสดง การศึกษา และการวางตัวต่อผู้คนทั้งในและนอกวงการ ถ้าให้พูดง่ายๆ ก็คือมุมมองของคำว่า “ไอดอล” สำหรับคนไทยก็คือ ความดีงาม เพอร์เฟค สมบูรณ์แบบ นั่นเอง ถ้าให้ยกตัวอย่างที่กำลังมาแรงที่สุดตอนนี้ต้องยกให้น้องฟรัง-นรีกุล หรือที่รู้จักกันในบทบาท “ออย” จากซีรี่ย์เรื่อง “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ที่เพิ่งได้เป็นเฟรชชี่สาวรั้วจามจุรีในคณะแพทยศาสตร์ค่ะ

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?


ฟรัง-นรีกุล

Cr: women.kapook.com


นอกจากนี้ ยังมีบุคคลประเภทที่โด่งดังจากอินเตอร์เนตที่เรียกกันว่า “เน็ตไอดอล” ซึ่งก็มีทั้งแบบที่มาโชว์ความสามารถทั้งการร้อง การเต้น การแสดงดนตรี ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้ก็มีอยู่หลายคนเลยที่สามารถโด่งดังจนมาอยู่ในระดับที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในหมู่คนทั่วไปได้ จนไปถึงบุคคลประเภทที่แต่งหน้าแต่งตาแล้วใส่ชุดวับๆ แวมๆ นุ่งน้อยห่มน้อย เพื่อโชว์สัดส่วนและรูปร่างของตัวเองผ่านหน้ากล้องเพื่อเรียกยอดไลค์ ซึ่งหลายๆ คนก็เรียกบุคคลเหล่านี้ว่า “เน็ตไอดอล” เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเพียงความคิดของกลุ่มคนส่วนหนึ่งเท่านั้น

ดังนั้น การตีความหมายของคำว่า “ไอดอล” สำหรับคนญี่ปุ่นและคนไทยจึงยังมีความแตกต่างกันอยู่มากค่ะ

ความเข้าใจเกี่ยวกับวง AKB48 ในหมู่คนไทยที่ไม่ใช่โอตะ 48

ใครที่เป็นแฟนคลับหรือโอตะของวงตระกูล 48 อยู่แล้วก็น่าจะเข้าใจรายละเอียดได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งจะไม่ขอเขียนถึงประวัติความเป็นมา คอนเซ็ปของวง จำนวนสมาชิกทั้งหมดในวง และอื่นๆ ที่เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของวงนี้นะคะ

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?


Cr: pantip.com


แต่สำหรับในหมู่คนไทยที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับหรือติดตามสาวๆ วงในตระกูล 48 อย่างจริงจัง ก็จะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็น...

-จำนวนสมาชิกที่มีทั้งหมด 48 คน
-เป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่สมาชิกคนไหนไม่ดังต้องไปถ่าย AV หรือหนังโป๊

...และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของวงนี้อีกมากมายซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ติดตามเป็นแฟนคลับยังเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ ก็หวังว่าการมาของวง BNK48 จะช่วยให้คนไทยส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจถึงเรื่องราวในตระกูล 48 ได้ดียิ่งขึ้นไม่มากก็น้อยค่ะ

กฏเกณฑ์และเงื่อนไขการรับสมัครที่ตั้งขึ้นมาด้วยการ “วัดใจ”

ภายในงานอีเว้นท์ของวง BNK48 ภายใต้ชื่องาน “We need you BNK48” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประกาศการรับสมัครออดิชั่นเพื่อคัดเลือกผู้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกรุ่นที่ 1 ของวง BNK48 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเพียงแค่รายละเอียดเกี่ยวกับกฏเกณฑ์และเงื่อนไขที่รับสมัครออกมา ก็ทำให้เกิดประเด็นการถกเถียงดราม่าไปได้พักใหญ่ๆ เลยทีเดียว

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?




ซึ่งประเด็นใหญ่ที่สุดที่มีการถกเถียงพูดคุยกันก็คือ ประเด็นในเรื่องของ “การศึกษา” ภายหลังจากที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาแล้ว โดยส่วนหนึ่งในกฏเกณฑ์และเงื่อนไขการรับสมัครได้ระบุไว้ว่า

"...เกี่ยวกับการศึกษาของสมาชิก(Member) วง BNK48 เนื่องจากสมาชิกทุกคนจะต้องอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อการฝึกซ้อม, การแสดง และการสร้างผลงาน ดังนั้นสมาชิกจึง มีความจำเป็นต้องทำการศึกษานอกระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Home School, ระบบสอบเทียบหรือเข้าศึกษาในสถาบันที่ไม่จำกัดเรื่องเวลาเข้าเรียน (Attendance) โดยทางบริษัท จะช่วยเหลือในเรื่องการให้คำแนะนำปรึกษาเรื่องการเรียน การหาสถาบันที่เหมาะสม โดยผู้ปกครองจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการศึกษาของสมาชิกทั้งหมดเอง"

และเมื่อรายละเอียดดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็เกิดดราม่าถกเถียงกันมากขึ้น ทั้งในหมู่ของผู้ที่คิดจะไปสมัครออดิชั่นอยู่แล้วและในหมู่ของคนที่ติดตามข่าว ซึ่งปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ คำว่า “การศึกษานอกระบบ”

นับว่าการที่ทางทีมงานผู้จัดได้กำหนดเงื่อนไขนี้ขึ้นมา ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นการท้าทายค่านิยมในสังคมไทยเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะถ้ามองเอาตามความเป็นจริงแล้ว ในสังคมไทยของเราจัดได้ว่าเป็นสังคมที่เชิดชูให้กับการศึกษาและใบปริญญาเป็นอย่างมาก ใครที่เรียนจบไม่ถึงในระดับปริญญาตรีก็เตรียมบอกลางานดีๆ ที่เชิดหน้าชูตาในสังคมได้เลย (พิมพ์แบบนี้อาจคิดว่ามันแรง แต่ขอโลกไม่สวย เพราะยังมีคนจำนวนมากในสังคมไทยที่ยังคิดแบบนี้จริงๆ นาจา ^^”) ซึ่งต่างจากในญี่ปุ่นที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนจบถึงระดับปริญญาตรีก็สามารถหางานทำได้อย่างไม่ลำบาก เพราะที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนวิชาชีพต่างๆ ที่ได้มาตรฐานมากกว่า และมีทางเลือกอาชีพที่หลากหลายมากกว่าด้วย ในขณะที่สังคมไทยยังมีมุมมองในเรื่องการศึกษาแบบนี้...

-เรียนไม่จบ ม.ปลาย ...โดนมองแรง จะหางานดีๆ ทำได้หรอ?
-เรียนสายอาชีพพวกโรงเรียนพาณิชย์ ช่างกล ...โดนเพื่อนบ้านนินทาแถมยังโอ้อวดลูกหลานตัวเอง
-เลือกเรียนสายศิลป์หรือสายอื่นๆ ที่ไม่ใช่สายวิทย์ ...โดนว่าทำไมไม่เลือกเรียนสายวิทย์ สายศิลป์จบไปหางานลำบากนะ
-เรียนได้เกรดไม่ถูกใจคนที่ส่งเสียค่าเล่าเรียน ...โดนหาว่าโง่ ไม่มีวันได้เจริญในภายภาคหน้าหรอก
-อยากทำงานพิเศษหรือทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน ...โดนห้าม หาว่าไร้สาระ แค่เรียนเก่งๆ สอบติดหมอก็พอแล้ว
-เรียนการศึกษานอกระบบ พวก กศน. โฮมสคูล ...โดนมองว่าเป็นพวกใจแตก มีปัญหา ไม่ชอบเรียนหนักๆ หรอ?

...และอื่นๆ อีกมากมายเกี่ยวกับมุมมองของสังคมไทยต่อการศึกษาที่เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะการศึกษาในไทยนั้นเน้นจำนวนชั่วโมงเรียนเยอะๆ เข้าไว้ หนังสือเรียนก็ต้องอัดแน่นเนื้อหาจนบางทีก็รู้สึกว่ามากจนเกินในระดับที่เด็กควรจะต้องรู้ในช่วงวัยนั้นๆ ซึ่งทุกอย่างช่วงสวนทางกับคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยยิ่งนัก

ถ้ามองกันตามเป็นจริงแล้ว การที่ทางทีมผู้จัดออดิชั่นได้ระบุเรื่องการเรียนของสมาชิกที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเอาไว้อย่างชัดเจนก็เป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากการทำงานในฐานะสมาชิกวง BNK48 นั้น จะต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมและกิจกรรมของวงเป็นอันดับแรก ซึ่งการศึกษาในระบบที่เน้นเช็คเวลาเข้าเรียนอาจไม่สามารถตอบโจทย์ต่อการทำกิจกรรมภายในวงได้ ทำให้ต้องระบุเงื่อนไขไปตามนั้น และถ้าเอาจริงๆ แล้ว เงื่อนไขนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เข้าสู่วงการบันเทิงของพวกดารา นักร้อง หรือแม้กระทั่งเหล่านักกีฬาเยาวชนทีมชาติในแวดวงการกีฬาเลย เพราะส่วนใหญ่ดารานักร้องหรือนักกีฬาในไทยที่ดังๆ ก็เลือกที่จะศึกษาแบบนอกระบบ กศน. หรือเข้าเรียนในโรงเรียนที่ไม่ซีเรียสเรื่องเวลาเข้าเรียนได้ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ค่อยเป็นที่เปิดเผยในวงกว้างเท่าไหร่เท่านั้นเอง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากที่มีการเผยแพร่เงื่อนไขการรับสมัครเพียงวันเดียว ทางเว็บไซต์ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนข้อความเกี่ยวกับเงื่อนไขในเรื่องของการศึกษาเอาไว้ดังนี้

“...เกี่ยวกับการศึกษาของสมาชิก(Member) วง BNK48 เนื่องจากสมาชิกทุกคนจะต้องอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อการฝึกซ้อม, การแสดง ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าต้องทำการศึกษานอกระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Home School, ระบบสอบเทียบหรือเข้าศึกษาในสถาบันที่ไม่จำกัดเรื่องเวลาเข้าเรียน (Attendance) ซึ่งเป็นเรื่องของความสมัครใจของผู้สมัครเอง"

เชื่อว่ากระแสโจมตีคงจะแรงมากจนในที่สุดทางทีมงานก็ตัดสินใจผ่อนปรนในเงื่อนไขเรื่องการศึกษา ซึ่งก็นับว่าเป็นผลดีต่อผู้ที่ยังลังเลว่าจะไปสมัครออดิชั่นดีหรือไม่? ส่วนตัวคิดว่าทีมงานเอาใจใส่แฟนคลับและผู้ที่ติดตามข่าวการรับสมัครมากเลยทีเดียวค่ะ ถึงแม้ว่าในทางปฏิบัติจริงอาจจะมีเหตุให้สมาชิกที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายต้องเลือกว่า ท้ายที่สุดแล้วจะยังสามารถเรียนในโรงเรียนเดิมได้หรือไม่? (กรณีที่อยู่ในกรุงเทพฯ อยู่แล้ว) ซึ่งก็ต้องมีการตกลงกับทางโรงเรียนที่น้องๆ กำลังศึกษาอยู่ให้ดีๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนโรงเรียนใหม่หากทางโรงเรียนเดิมไม่อนุมัติ หรือออกมาศึกษาแบบนอกระบบไปเลย

แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็มีส่วนช่วยให้ทุกคนได้ตระหนักถึงค่านิยมในเรื่องของการศึกษาในเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งถ้าหาก BNK48 ประสบความสำเร็จในไทยจริงๆ ก็จะเป็นการพลิกโฉมประวัติศาสตร์วงการบันเทิงไทยไปได้อีกหน้าหนึ่งเลยทีเดียว และดี-ไม่ดี สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้มุมมองค่านิยมในสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็เป็นได้

ความเป็นไปได้ที่ BNK48 จะประสบความสำเร็จในไทย

การมาของ BNK48 วงไอดอลน้องสาวของ AKB48 ในไทย ...จะรุ่งหรือจะร่วง?


Cr: www.jefusion.com


การมาของวง BNK48 ซึ่งเป็นวงไอดอลน้องสาวที่มีต้นฉบับมาจากญี่ปุ่น จะมีการทำงาน ทำกิจกรรมตามในแบบฉบับญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มากในสังคมไทย จริงอยู่ว่าเมืองไทยของเราก็เคยมีวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ดังๆ อยู่หลายวง เพียงแต่ระบบการจัดการและอะไรหลายๆ อย่างมันไม่ใช่แบบเดียวกันกับของญี่ปุ่น โดยเฉพาะระบบของวงพี่สาวอย่าง AKB48 ที่มีการจัดสเตจในทุกๆ วันที่โรงละครเธียเตอร์ของตัวเองและมีงานจับมือกับเหล่าแฟนคลับหรือโอตะเป็นหลัก ซึ่งสิ่งนี้มันยังไม่เคยมีเกิดขึ้นในวงเกิร์ลกรุ๊ปของไทย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีผู้ปกครองบางท่านไม่อนุญาตให้ลูกหลานไปสมัครออดิชั่น เพราะการที่จะเลือกเป็นไอดอลนั้น เท่ากับการเดิมพันเส้นทางชีวิตของลูกหลานที่อยู่ในความปกครองของตนเองได้เลย ถ้าหากวงเกิดดัง ประสบความสำเร็จขึ้นมา แล้วลูกหลานตัวเองถูกดันจนมีชื่อเสียงในวงการก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากเกิดวงมันไม่ดัง ไม่เปรี้ยง หรือถึงต่อให้วงดังขึ้นมา แต่เด็กในปกครองของตนเองเกิดไม่ถูกดันขึ้นมาล่ะ จะมีเส้นทางไหนที่จะรองรับพวกเขาให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้หลังจากจบการศึกษาหรือออกจากวง? แล้วไหนจะค่าเล่าเรียนในกรณีที่ต้องย้ายไปเรียนในโรงเรียนใหม่ซึ่งบางครั้งก็ราคาแพงหลายเท่าตัวจนไม่สามารถช่วยซัพพอร์ทตัวเด็กๆ ได้ แล้วไหนจะสายตาคนรอบข้าง ทั้งญาติพี่น้องเอย เพื่อนบ้านเอย พวกเขาจะมองอย่างไรต่อการเป็นทำงานในฐานะไอดอล ในเมื่ออาชีพเต้นกินรำกินยังคงเป็นอาชีพที่คนไทยส่วนใหญ่ยังเห็นว่าเป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคง โดยเฉพาะคนที่ยังหัวโบราณซึ่งยังไม่เปิดกว้างกับยุคสมัยใหม่อย่างเพียงพอ ...ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ผู้ปกครองหลายท่านไม่กล้าที่จะเสี่ยงจนทำให้ดับฝันเด็กๆ หลายคนที่ต่างรอคอยกับการมาของ BNK48 ได้เลย

แต่อย่างไรก็ตาม การมาของ BNK48 ก็นับเป็นสิ่งที่ท้าทายไม่แพ้กับในช่วงที่ AKB48 เพิ่งก่อตั้งใหม่ๆ เลยทีเดียว ดี-ไม่ดี BNK48 น่าจะเป็นโจทย์ที่ยากยิ่งกว่าซะด้วยซ้ำ ท่ามกลางในสังคมไทยที่ในปัจจุบันถูกกระแสเพลงเกาหลีครองตลาดไปมากกว่าครึ่ง อีกทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีให้เห็นราวกับดอกเห็ด และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่ทางทีมงานต้องทำโจทย์ ทำการบ้านในการศึกษารายละเอียดและบริบทต่างๆ พร้อมกับปรับหากลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อที่จะทำให้ BNK48 สามารถขึ้นมาตีตลาดในเมืองไทยได้ ซึ่งเชื่อว่าสมาชิกวง BNK48 รุ่นแรกที่จะเข้ามานี้ นอกจากจะต้องมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นไอดอลอย่างแท้จริงแล้ว ครอบครัวของสมาชิกแต่ละคนก็ต้องเปิดกว้างและพร้อมรับกับความเสี่ยงในทุกรอบด้านให้ได้ด้วย

แม้ในตอนนี้การประชาสัมพันธ์จะยังไม่ถือว่าอยู่ในวงกว้างมาก เพราะส่วนตัวเชื่อว่าทางทีมงานคงตั้งใจเจาะกลุ่มคนที่เป็นโอตะวงพี่อยู่ก่อนแล้วเป็นอันดับแรก แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่าการมาของวง BNK48 จะช่วยส่งผลให้กระแสเพลงญี่ปุ่นกลับมาตีตลาดได้มากขึ้นเหมือนเมื่อก่อน และคิดว่าเมื่อวง BNK48 ได้สมาชิกรุ่นแรกแล้ว ความฝันในการชมสาวๆ วง BNK48 รุ่นแรกที่จะขึ้นแสดงพร้อมกับวงพี่สาวอย่างวง AKB48 หรือวงน้องสาววงอื่นๆ ในตระกูล 48 ก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

และไม่เฉพาะไอดอลในตระกูล 48 เท่านั้น เมื่อกระแสเพลงญี่ปุ่นในไทยดีขึ้น ฐานแฟนคลับที่ติดตามเพลงญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นศิลปินนักร้องชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงท่านอื่นๆ หรือวงอื่นๆ เดินทางมาจัดแสดงคอนเสิร์ตในบ้านเรามากขึ้นด้วย ซึ่งทุกสิ่งอย่างนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับแฟนคลับที่ติดตามอย่างเราๆ ด้วยว่าจะสามารถสนับสนุนศิลปินและไอดอลญี่ปุ่นได้มาก-น้อยแค่ไหน

ที่ออกมาพิมพ์จนเหมือนอวยเพลงญี่ปุ่นแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าตัวเองไม่ชอบเพลงไทย ไม่ฟังเพลงไทยนะคะ ส่วนตัวตัวเองก็ฟังเพลงไทยเหมือนกันค่ะ เพียงแต่ติดตามเพลงญี่ปุ่นมากกว่าเพลงไทยและอยากแสดงมุมมองเกี่ยวกับกระแสวงการเพลงญี่ปุ่นในบ้านเราเท่านั้นเอง ก็เป็นความชอบส่วนบุคคลล่ะเนาะ ไม่อยากให้เอามาดราม่ากันมาก 5555

ก่อนจบบทความในเอนทรี่นี้ ขอส่งท้ายด้วยกระทู้หนึ่งในพันทิพที่มีคนตั้งข้อสันนิษฐานถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้เกี่ยวกับรายละเอียดของ BNK48 กันดีกว่าค่ะ เป็นกระทู้ที่วิเคราะห์ได้น่าสนใจดีทีเดียวเชียวล่ะ ^^

มาคุยกัน! ข้อสันนิษฐานที่น่าจะเป็นไปได้เกี่ยวกับรายละเอียดของ BNK48

น้องๆ คนไหนที่จะไปออดิชั่น BNK48 ก็ขอให้สู้ๆ และโชคดีกันทุกคนนะคะ ^o^

ナナ~♪



タグ :BNK48AKB48

同じカテゴリー(Japan)の記事
上の画像に書かれている文字を入力して下さい
 
<ご注意>
書き込まれた内容は公開され、ブログの持ち主だけが削除できます。
Information

タイのブログサイト「ナムジャイブログ」でブログを作る! タイのブログサイト「ナムジャイブログ」にログインする!

初めてのタイへの旅の不安を解決
海外進出を手厚くサポートします
< 2024年04月 >
S M T W T F S
  1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30        
カテゴリ
QRコード
QRCODE
アクセスカウンタ
読者登録
メールアドレスを入力して登録する事で、このブログの新着エントリーをメールでお届けいたします。解除は→こちら
現在の読者数 62人
プロフィール
naru_sa
naru_sa
タイのサムットプラカン県に住んでいて、バンコクで働いている「ナナ」です。よろしくお願いします。(人´∀`) ☆

สวัสดีค่ะ ชื่อ "นะ" หรือ "นานะ" เป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ และทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ค่ะ ขอฝากบล็อกนี้ด้วยนะคะ (^^♪