DiaryTravelJapan
Japan Trip Spring 2018 : Ep01 เมื่อได้ออกเดินทางอีกครั้งพร้อมกับ 2 สาว ^^
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เขียนบันทึกการเดินทางครั้งใหม่กะเค้าแย้วววว ภายใต้ชื่อว่า
"Japan Trip Spring 2018"
ทริปนี้ได้เกิดขึ้นเนื่องจากว่ามีคนใกล้ตัวอยู่ 2 สาวที่มีความปรารถนาอยากชมซากุระและภูเขาไฟฟูจินั่นเองค่ะ
2 สาว ที่ว่านั่นก็คือ...
คุณแม่และเพื่อนคุณแม่ของนะนั่นเอง ^^
เนื่องจากว่าช่วงเวลาที่เลือกไป นะต้องการเดินทางไปถึงในช่วงซากุระฟูลบลูมพอดี ก็เลยตัดสินใจรีบจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 พูดภาษาชาวบ้านก็คือ "ลงทุนจองข้ามปี" นี่แหละ 555 แต่ก็ได้ราคาที่ค่อนข้างคุ้มค่าอยู่นะคะ ><
หลังจากที่มีการจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็ได้มีการเลือกจองโรงแรม ซื้อตั๋วรถไฟ จองที่นั่งรถไฟล่วงหน้า ซื้ออาหารบนเครื่องเพิ่ม และจองพ็อกเก็ตไวไฟ ตามลำดับ โดยทั้งหมดทั้งมวลได้พยายามเลือกให้พวกแม่ๆ เดินทางได้อย่างสบายที่สุดค่ะ
และหลังจากที่เวลาผ่านมานานนับปี ก็ถึงวันที่รอคอยค่ะ
วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2018
วันออกเดินทางจากเมืองไทยสู่ประเทศญี่ปุ่น
...ว่าแล้วไม่รอช้า เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะ ^^
เราเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ ซึ่งตอนที่มาถึงนั้น ทุกอย่างก็ดูโล่งๆ ชิลๆ มาก พวกเราเลยตัดสินใจไปนั่งรอชิลๆ หน้าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วเครื่องบินของ Airasia ซึ่งในระหว่างนั้นก็ได้ลงไปรับเครื่องพ็อกเก็ตไวไฟที่จองเอาไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ
แต่เมื่อลงไปรับของเรียบร้อยแล้วกลับมานั่งได้ซักพัก ครั้นเห็นว่าใกล้ได้เวลาเช็คอินสัมภาระแล้ว ก็เลยพากันไปยังหน้าเคาน์เตอร์เช็คอินเบอร์ 4 และสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือ...
แถวอันยาวเหยียดฝุดๆ!! ยาวเหยียดขนาดไหนก็ดูได้จากภาพนี้นะ ยาวเลยไปจนถึงเบอร์ 1 เลยทีเดียวจ้าาา T T
แต่พอต่อแถวไปได้ซักพัก ก็มี จนท.จากภาคพื้นดินมาเดินถามตามแถวว่า "มีใครถือเอกสารเช็คอินในอินเตอร์เนตล่วงหน้าหรือเปล่าคะ?"
เดชะบุญที่ตัวเองลงเช็คอินผ่านอินเตอร์เนตไปล่วงหน้าแล้ว เลยรีบยกมือตอบ จากนั้น ทาง จนท.ก็พาพวกเราลัดคิวมาอีกแถวหนึ่งทันที ซึ่งเป็นแถวสำหรับผู้ที่ลงเช็คอินล่วงหน้าค่ะ ><
หลังจากนั้นประมาณชั่วโมงกว่า พวกเราก็สามารถเช็คอินและผ่าน ตม. ได้เป็นผลสำเร็จ ถึงแม้ว่าหลังผ่าน ตม. แล้วจะมีเหตุระทึกที่คุณแม่เกือบหาพาสปอร์ตไม่เจอก็ตาม... แต่สุดท้ายก็หาเจอ เพราะแม่เผลอเอาไปฝากเพื่อนแม่ไว้จนลืมล่ะ 5555 XD
ในระหว่างที่รอเวลาเครื่องลงจอด พวกนะก็ได้แวะเข้าแมคโดนัลด์เพื่อทานอะไรรองท้องก่อน จะได้ไม่หิวตอนยามดึก แม้ว่าอาหารมื้อนั้นจะเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดที่พวกแม่ๆ ไม่ค่อยโปรดปรานก็ตาม แต่มันก็เป็นของที่ราคาถูกสุดจากในบรรดาร้านอาหารที่อยู่ด้านในเกทล่ะนะ ^^"
จากนั้นก็เดินทางไปนั่งสแตนด์บายรอตรงเกทขึ้นเครื่อง และเดินเข้าเครื่องตามลำดับ ซึ่งที่นั่งที่ได้นั่งทั้งขาไปและขากลับ นะได้เลือกเป็นที่นั่งโซนเงียบค่ะ
น่าเสียดายอย่างที่ตอนขาไปเลือกที่นั่งพลาดไปนิดเลยมองไม่เห็นวิวท้องฟ้าทั้งตอนกลางคืนและตอนเช้าเลยจ้าา จำไว้เลยยย คราวหน้าเราจิไม่เลือกแถวหลังสุดฝั่งซ้ายในโซนเงียบแล้ววว T T
พวกเราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอนเวลา 23.55 น. ของวันที่ 31 มีนาคม 2018 ซึ่งหลังจากที่เครื่องออก นะก็ทำได้เพียงแค่หลับกับลุกไปห้องน้ำอย่างเดียว ...เพราะเค้าปิดไฟมืดในโซนเงียบโดยเหลือแต่ไฟแบล็คไลท์เท่านั้นเองจ้า
วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2018
จนกระทั่งช่วงเช้ามืด (ราวตี 4 เวลาบ้านเรา) ทางพนักงานก็ได้เสิร์ฟมื้อเช้าตามที่เราได้จองล่วงหน้าให้ทาน และอาหารที่นะได้สั่งมาทานก็คือ...
ชุดนาสิลามัคสูตรปาคนาสเซอร์ ซึ่งเป็นเมนูข้าวมันหอมกลิ่นกะทิเสิร์ฟพร้อมน้ำพริกซัมบัลและแกงมัสมั่นไก่นั่นเอง ซึ่งหน้าตาของจริงก็ค่อนข้างต่างจากหน้าปกที่โฆษณาอยู่พอสมควรเลยล่ะ 555 แต่ก็พอทานได้นะ รสชาติใช้ได้อยู่ ><
และหลังจากที่นั่งเครื่องมาได้ประมาณ 6 ชั่วโมง เครื่องบินก็แลนด์ดิ้งลงสนามบินนาริตะ อาคาร 2 ได้อย่างปลอดภัยในเวลาประมาณเกือบ 8 โมงเช้า ของวันที่ 1 เมษายน (ตามเวลาญี่ปุ่น) ค่ะ ซึ่งตอนที่ลงจากเครื่องแล้วเดินเข้าสู่ตัวอาคาร ก็ได้พวกแม่ๆ ล่วงหน้าแล้วว่า
"จากตรงนี้จะเดินทางเหนื่อยหน่อยนะคะ"
เนื่องจากว่าระยะทางจากจุดที่ลงจากตัวเครื่องถึง ตม.ญี่ปุ่นนั้นอยู่ไกลพอสมควรเลย เลยต้องทำเวลากันหน่อยเพื่อไม่ให้ใช้เวลานานและเสียแพลนตามที่วางไว้ ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี และพวกเราก็ผ่าน ตม.ญี่ปุ่นตอนเวลา 8.30 น.
จากนั้น แต่ละคนก็เข้าห้องน้ำและปรับเปลี่ยนชุดให้เข้ากับสภาพอากาศมากยิ่งขึ้น ทำให้กว่าจะได้เดินทางออกจากสนามบินก็ล่อไปเวลา 10 โมงเช้าเข้าไปแล้ว
และนี่ก็คือตั๋วรถไฟที่เดินทางจากสนามบินไปยังจุดหมายปลายทางที่จะเข้าพักค่ะ เห็นแบบนี้อาจจะดูไม่ออก งั้นนะเฉลยเลยละกันว่านะจะเดินทางไปยังที่ไหน?
คำตอบก็คือ...
"อาซาคุสะ" นั่นเองจ้าาา
จริงๆ ที่นี่นะเคยไปมาแล้วกับเพื่อนๆ เมื่อทริปสงกรานต์ 2016 แต่คราวนี้นะได้พาพวกแม่ๆ มาเที่ยวแทนค่ะ แต่ถึงจะเลือกย่านอาซาคุสะเป็นย่านที่จะเข้าพักอีกรอบ แต่คราวนี้นะเลือกเข้าพักโรงแรมคนละที่กับคราวก่อนนะจ๊ะ ^^
เอาล่ะ ว่าแล้วก็ขอหยุดบันทึกการเดินทางตอนแรกไว้เท่านี้ก่อน และสำหรับในตอนหน้าที่จะเขียน นะจะเขียนถึงเหตุการณ์หลังจากนี้จ้าา ซึ่งเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องคอยติดตามกันน้าา ^o^
ナナ~♪
แต่พอต่อแถวไปได้ซักพัก ก็มี จนท.จากภาคพื้นดินมาเดินถามตามแถวว่า "มีใครถือเอกสารเช็คอินในอินเตอร์เนตล่วงหน้าหรือเปล่าคะ?"
เดชะบุญที่ตัวเองลงเช็คอินผ่านอินเตอร์เนตไปล่วงหน้าแล้ว เลยรีบยกมือตอบ จากนั้น ทาง จนท.ก็พาพวกเราลัดคิวมาอีกแถวหนึ่งทันที ซึ่งเป็นแถวสำหรับผู้ที่ลงเช็คอินล่วงหน้าค่ะ ><
หลังจากนั้นประมาณชั่วโมงกว่า พวกเราก็สามารถเช็คอินและผ่าน ตม. ได้เป็นผลสำเร็จ ถึงแม้ว่าหลังผ่าน ตม. แล้วจะมีเหตุระทึกที่คุณแม่เกือบหาพาสปอร์ตไม่เจอก็ตาม... แต่สุดท้ายก็หาเจอ เพราะแม่เผลอเอาไปฝากเพื่อนแม่ไว้จนลืมล่ะ 5555 XD
ในระหว่างที่รอเวลาเครื่องลงจอด พวกนะก็ได้แวะเข้าแมคโดนัลด์เพื่อทานอะไรรองท้องก่อน จะได้ไม่หิวตอนยามดึก แม้ว่าอาหารมื้อนั้นจะเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดที่พวกแม่ๆ ไม่ค่อยโปรดปรานก็ตาม แต่มันก็เป็นของที่ราคาถูกสุดจากในบรรดาร้านอาหารที่อยู่ด้านในเกทล่ะนะ ^^"
จากนั้นก็เดินทางไปนั่งสแตนด์บายรอตรงเกทขึ้นเครื่อง และเดินเข้าเครื่องตามลำดับ ซึ่งที่นั่งที่ได้นั่งทั้งขาไปและขากลับ นะได้เลือกเป็นที่นั่งโซนเงียบค่ะ
น่าเสียดายอย่างที่ตอนขาไปเลือกที่นั่งพลาดไปนิดเลยมองไม่เห็นวิวท้องฟ้าทั้งตอนกลางคืนและตอนเช้าเลยจ้าา จำไว้เลยยย คราวหน้าเราจิไม่เลือกแถวหลังสุดฝั่งซ้ายในโซนเงียบแล้ววว T T
พวกเราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอนเวลา 23.55 น. ของวันที่ 31 มีนาคม 2018 ซึ่งหลังจากที่เครื่องออก นะก็ทำได้เพียงแค่หลับกับลุกไปห้องน้ำอย่างเดียว ...เพราะเค้าปิดไฟมืดในโซนเงียบโดยเหลือแต่ไฟแบล็คไลท์เท่านั้นเองจ้า
วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2018
จนกระทั่งช่วงเช้ามืด (ราวตี 4 เวลาบ้านเรา) ทางพนักงานก็ได้เสิร์ฟมื้อเช้าตามที่เราได้จองล่วงหน้าให้ทาน และอาหารที่นะได้สั่งมาทานก็คือ...
ชุดนาสิลามัคสูตรปาคนาสเซอร์ ซึ่งเป็นเมนูข้าวมันหอมกลิ่นกะทิเสิร์ฟพร้อมน้ำพริกซัมบัลและแกงมัสมั่นไก่นั่นเอง ซึ่งหน้าตาของจริงก็ค่อนข้างต่างจากหน้าปกที่โฆษณาอยู่พอสมควรเลยล่ะ 555 แต่ก็พอทานได้นะ รสชาติใช้ได้อยู่ ><
และหลังจากที่นั่งเครื่องมาได้ประมาณ 6 ชั่วโมง เครื่องบินก็แลนด์ดิ้งลงสนามบินนาริตะ อาคาร 2 ได้อย่างปลอดภัยในเวลาประมาณเกือบ 8 โมงเช้า ของวันที่ 1 เมษายน (ตามเวลาญี่ปุ่น) ค่ะ ซึ่งตอนที่ลงจากเครื่องแล้วเดินเข้าสู่ตัวอาคาร ก็ได้พวกแม่ๆ ล่วงหน้าแล้วว่า
"จากตรงนี้จะเดินทางเหนื่อยหน่อยนะคะ"
เนื่องจากว่าระยะทางจากจุดที่ลงจากตัวเครื่องถึง ตม.ญี่ปุ่นนั้นอยู่ไกลพอสมควรเลย เลยต้องทำเวลากันหน่อยเพื่อไม่ให้ใช้เวลานานและเสียแพลนตามที่วางไว้ ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี และพวกเราก็ผ่าน ตม.ญี่ปุ่นตอนเวลา 8.30 น.
จากนั้น แต่ละคนก็เข้าห้องน้ำและปรับเปลี่ยนชุดให้เข้ากับสภาพอากาศมากยิ่งขึ้น ทำให้กว่าจะได้เดินทางออกจากสนามบินก็ล่อไปเวลา 10 โมงเช้าเข้าไปแล้ว
และนี่ก็คือตั๋วรถไฟที่เดินทางจากสนามบินไปยังจุดหมายปลายทางที่จะเข้าพักค่ะ เห็นแบบนี้อาจจะดูไม่ออก งั้นนะเฉลยเลยละกันว่านะจะเดินทางไปยังที่ไหน?
คำตอบก็คือ...
"อาซาคุสะ" นั่นเองจ้าาา
จริงๆ ที่นี่นะเคยไปมาแล้วกับเพื่อนๆ เมื่อทริปสงกรานต์ 2016 แต่คราวนี้นะได้พาพวกแม่ๆ มาเที่ยวแทนค่ะ แต่ถึงจะเลือกย่านอาซาคุสะเป็นย่านที่จะเข้าพักอีกรอบ แต่คราวนี้นะเลือกเข้าพักโรงแรมคนละที่กับคราวก่อนนะจ๊ะ ^^
เอาล่ะ ว่าแล้วก็ขอหยุดบันทึกการเดินทางตอนแรกไว้เท่านี้ก่อน และสำหรับในตอนหน้าที่จะเขียน นะจะเขียนถึงเหตุการณ์หลังจากนี้จ้าา ซึ่งเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องคอยติดตามกันน้าา ^o^
ナナ~♪