DiaryTravelJapan
Japan Trip 2015 : Ep01 กว่าจะเดินทางถึงฮอกไกโดด้วยรถไฟนี่มันไม่ง่ายเลยนะ
จนกระทั่งมาวันนี้ เลยคิดตัดสินใจได้ว่า ถึงเวลาแล้ว ที่จะเขียนบันทึกการเดินทางแบบจริงๆ จังๆ กะเค้าบ้าง ><
และนี่ก็คือบันทึกการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อปีก่อนค่ะ ^o^
----------------------------------------------------------------
ทริปที่นะได้ไปมาเมื่อปีก่อนนี้ ตรงกะช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นพอดีเลยค่ะ ซึ่งในครั้งนั้นก็เป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากที่ครั้งแรกที่ได้ไปเป็นการไปกับคุณแม่โดยใช้บริการทัวร์ ส่วนในครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เป็นการเดินทางไปด้วยตัวเองพร้อมกับรุ่นพี่อีก 5 คนค่ะ จึงนับว่าเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ เลยทีเดียว กับทริปนี้ "Hokkaido-Osaka-Kyoto"
จำได้ว่าในวันที่ออกเดินทางตรงกับวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2558 ซึ่งจริงๆ แล้ว วันนั้นยังเป็นวันทำงานอยู่ค่ะ (ตอนนั้นยังทำงานที่เก่าอยู่) หลังจากทำงานเสร็จ ก็ออกเดินทางลากกระเป๋ามาขึ้นรถไฟฟ้า แล้วก็ต่อรถบัสจากหมอชิตเพื่อไปยังสนามบินดอนเมือง
หลังจากที่มาถึงสนามบินดอนเมืองแล้ว ก็นั่งรอพวกพี่ๆ พร้อมกับสแตนด์บายรอเช็คอินสัมภาระ สารภาพตามตรงเลยว่า... ตั้งแต่เกิดมา 28 ปี เพิ่งจะได้มาเหยียบสนามบินดอนเมืองเป็นครั้งแรกล่ะ!! เลยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยถึงปานกลาง แหะๆๆ =///=
เมื่อได้เช็คอินสัมภาระ ผ่าน ตม. เรียบร้อย ก็เดินเล่น-นั่งเล่น-จิ้มมือถือเล่นเรื่อยเปื่อยภายในอาคารพักผู้โดยสาร จนพอใกล้เวลาเกทปิดก็เดินเข้าไปแบบชิลๆ แต่ก่อนที่จะเดินเข้าเกท ก็ขอถ่ายภาพเจ้าเครื่องบินที่จะพาเราเดินทางกันก่อน ^^
เครื่องบินที่จะออกเดินทางเป็นเที่ยวบินของ Thai Airasia X ที่เดินทางจากดอนเมือง-นาริตะ รอบประมาณ 23.45 น. ดังนั้น ตอนออกเดินทางจึงเห็นดวงไฟหลายๆ ดวง ซึ่งดูแล้วก็สวยงามเลยทีเดียว
หลังจากที่นั่งไปได้ครึ่งทาง พนักงานต้อนรับก็ได้มาเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสารที่สั่งจองอาหารล่วงหน้า ตัวนะเองที่ไม่ได้สั่งจองล่วงหน้า เลยต้องสั่งกับพนักงานโดยตรง ซึ่งราคาจะแพงกว่าตอนสั่งจองล่วงหน้า แถมเมนูก็ไม่ได้มีให้เลือกเยอะเท่าไหร่ด้วย
และนี่ก็คืออาหารที่ทานตอนอยู่บนเครื่องค่ะ กับ "ข้าวผัดกะเพราไก่ไข่เจียว" รสชาติก็อร่อยดีนะ
หลังจากที่ทานเสร็จได้ซักพัก เนื่องจากว่านะกะพวกพี่ๆ นั่งอยู่ทางริมฝั่งซ้าย จึงทำให้ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแต่ไกลด้วย
พอเดินทางได้จนครบ 6 ชั่วโมง เครื่องบินก็พานำพวกเรามาถึง "สนามบินนาริตะ" ประเทศญี่ปุ่น
เครื่องบินแตะพื้นดินตอนประมาณ 8.00 น. ของวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2558 เมื่อเครื่องบินเคลื่อนที่จนเข้าสู่ลานจอดแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางไกลออกจากตัวเครื่องเพื่อไปยัง ตม. ...ขอบอกว่าระยะทางโคตรไกลเวอร์ ><"
และหลังจากที่เดินถึง ตม. ผ่าน ตม. รับกระเป๋า เวลาก็ล่วงเลยไปประมาณ 1 ชม. เต็มๆ แล้วล่ะค่ะ
เมื่อรับกระเป๋าเสร็จ พวกนะก็รีบไปดำเนินการแลก JR Rail Pass ทำการจองรอบรถไฟ และรีบขึ้นรถไฟทันทีหลังจากที่จองเสร็จ โดยรถไฟที่ขึ้นต่อแรกจากสนามบินก็คือ รถไฟด่วนพิเศษ Narita Express ที่ใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชม. จากสนามบินนาริตะถึงสถานีโตเกียว ระหว่างทางก็ได้ถือโอกาสชมวิวสองข้างทางไปด้วย ซึ่งก็ได้เห็นทั้งวิวบรรยากาศที่แลออกดูชนบทหน่อยของจังหวัดชิบะ จนกระทั่งวิวบรรยากาศในเมืองของโตเกียว ที่คราวนี้ได้เห็น Tokyo Sky Tree ชัดเจนด้วย ...แต่น่าเสียดายอยู่สองอย่าง ตรงที่ไม่ได้มีโอกาสถ่ายเจ้าตัวขบวนรถไฟ Narita Express (เพราะกำหนดการเร่งรีบเกิ๊นนน) และตรงที่งวดนี้โตเกียวเป็นแค่ทางผ่านค่ะ 5555
หลังจากที่มาถึงสถานีโตเกียวแล้ว เดิมทีตั้งใจว่าจะมาแวะซื้อข้าวกล่องเบนโตะก่อนที่จะขึ้นรถไฟชินคันเซ็นไปยัง Shin-Aomori แต่เนื่องจากตัวสถานีที่ค่อนข้างใหญ่มาก ชานชาลาที่มีมากกว่า 30 ชานชาลา และเวลาที่ค่อนข้างกระชั้นชิดหลังจากที่เห็นฝูงคนเข้าไปซื้อเบนโตะในร้าน จึงจำต้องตัดใจไปหากินเอาดาบหน้าแทน T^T
และรถไฟขบวนถัดไปที่ได้ขึ้นคือ รถไฟชินคันเซ็น Hayabusa โดยเดินทางจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีชินอาโอโมริ
ซึ่งในระหว่างทาง ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกหิวมากๆ แต่ก็ต้องอดทนเข้าไว้ เพราะเราเลือกที่จะเดินทางด้วยรอบรถไฟที่มีระยะห่างเวลาการเปลี่ยนขบวนกระชั้นชิดเอง แต่ก็ยังดีที่ได้น้ำชาที่กดมาจากตู้กดน้ำก่อนขึ้นรถไฟ และลูกชิ้นปลาคามาโบโกะกับอาหารทะเลอบแห้งจากรถเข็นขายบนรถไฟ
หลังจากที่เดินทางมาได้ราว 3 ชั่วโมงกว่า ก็เดินทางมาถึงสถานีชินอาโอโมริ
ซึ่งก่อนเดินลงจากชานชาลา ก็ขอแชะภาพเจ้ารถไฟชินคันเซ็นซะหน่อยล่ะ ซึ่งคันที่ถ่ายมานั้นเป็นคันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งกับคันที่เราเดินทางมานั่นเองจ้า
เดิมที... พวกเราได้ทำการจองรถไฟมาตั้งแต่ที่เดินทางจากสนามบินนาริตะถึงฮาโกดาเตะ จุดหมายปลายทางในวันนั้น แต่เนื่องจากเรามึนงงกับตัวชานชาลา เลยทำให้พลาดขบวนรถไฟที่จองไว้จากชินอาโอโมริถึงฮาโกดาเตะ ดังนั้น จึงได้ตัดสินใจรอขึ้นรอบถัดไปโดยขึ้นตู้รถไฟโซนที่ไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า และอาศัยช่วงระยะเวลาระหว่างรอไปซื้อของกินและเบนโตะมารอรถไฟไปพลางๆ ซึ่งก็ได้กินเบนโตะหลากหลายแบบมากเลยล่ะ ^^
หลังจากที่ได้แบ่งกันชิมแบ่งกันทานจนอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟ Hakucho ซึ่งรถไฟขบวนนี้จะวิ่งลอดผ่านอุโมงค์เซคัง อุโมงค์รถไฟใต้น้ำที่เชื่อมโยงระหว่างเกาะฮอนชูและเกาะฮอกไกโด แถมยังเป็นอุโมงค์รถไฟใต้น้ำที่ลึกที่สุดในโลกด้วย
ระหว่างทาง ก็จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ระหว่างจังหวัดอาโอโมริจนถึงทางตอนใต้ของฮอกไกโดเลยล่ะค่ะ ซึ่งก็ได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่หลากหลายเลย ทั้งวิวชุมชน ทุ่งหญ้า ภูเขา และบ้านเรือนริมทะเล รวมไปถึงภายในตัวรถไฟก็ดูสะอาดสบายตา คนไม่แออัดดี
ส่วนภายในอุโมงค์ใต้น้ำเป็นอย่างไรงั้นหรอ? ขึ้นชื่อว่า "อุโมงค์" มันก็แทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยล่ะนะ ไม่ต่างจากตอนนั่งรถไฟใต้ดินบ้านเราแหละ 5555 XD
หลังจากที่ได้เดินทางมาประมาณ 2 ชม.กว่าๆ ในที่สุด... ก็ได้เดินทางมาถึง "ฮาโกดาเตะ" เมื่อเวลาประมาณราว 18.00 น. พอดี
ก่อนเดินออกจากชานชาลาก็ไม่ลืมขอแชะเจ้ารถไฟขบวนนี้กันซักหน่อยนะ (เพราะตอนขึ้นรถไฟไม่ได้ถ่าย ><" )
และสิ่งที่เราจะต้องเจอเมื่อได้มาถึงหน้าสถานีฮาโกดาเตะ ก็คือ... เจ้าประติมากรรมสิ่งนี้ค่ะ งามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มาก จนต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเลยทีเดียว ^^
เมื่อรวมเวลาทั้งหมดที่เดินทางตั้งแต่สนามบินนาริตะจนถึงสถานีฮาโกดาเตะ พวกนะใช้เวลาไปทั้งหมด 8.5 ชม. เชียวล่ะ!!
คงจะมีใครสงสัยว่า แล้วทำไมพวกนะจะต้องมาลำบากเดินทางโดยรถไฟหลาย ชม. ทำไมไม่นั่งเครื่องต่อ หรือนั่งเครื่องบินจากไทยมาฮอกไกโดเลย...
เหตุผลก็คือ... เดิมทีทริปนี้ที่แพลนไว้ตอนแรก พวกเราแพลนกันว่าจะนั่งบินตรงของ Thai Airasia X จากดอนเมืองมาลงที่สนามบินชินจิโตเสะค่ะ แต่... อย่างที่รู้กันดีว่าปีที่แล้วไทยเจอผลกระทบเรื่องมาตรฐานการบินพลเรือนจนส่งผลให้เที่ยวบินดังกล่าวที่ตอนนั้นเพิ่งเปิดเส้นทางใหม่ได้ไม่นานได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เที่ยวบินในวันที่เดินทางของพวกนะในช่วงนั้นยังไม่มีความแน่นอนว่าวันนั้นจะยังได้เดินทางอยู่หรือไม่? สุดท้าย... พวกพี่ๆ จึงตัดสินใจยกเลิกตั๋วและจองใหม่โดยไปลงนาริตะแทนค่ะ ส่วนเรื่องเที่ยวบินในประเทศนั้น ในช่วงที่ได้ลองค้นหาข้อมูลเที่ยวบิน รวมถึงเที่ยวรถไฟที่จะนั่งต่อไปฮาโกดาเตะนั้น เมื่อได้ค้นหาแบบละเอียดแล้ว ก็พบว่ากว่าจะถึงฮาโกดาเตะก็ใช้เวลาแทบไม่ต่างกันกับนั่งรถไฟจากนาริตะเลย ทำให้พวกเราตัดสินใจนั่งรถไฟขึ้นเหนือแบบมาราธอนตามที่เล่ามาค่ะ ><"
แต่ถ้าถามว่า สนุกมั้ย? ก็ยอมรับนะว่าสนุกมาก และชอบที่จะเดินทางโดยรถไฟแบบนี้ เพียงแต่คราวหน้าคงจะปรับปรุงเพิ่มเติมโดยการเผื่อเวลาไว้เยอะๆ หน่อยล่ะ จะได้ไม่ต้องเดินทางแบบรีบๆ อย่างที่เล่ามาแล้วล่ะนะ ^^"
ที่สำคัญ... ปลายมีนาคมนี้ก็จะมีรถไฟชินคันเซ็นไปถึงฮาโกดาเตะแล้ว โดยถ้าหากเดินทางจากโตเกียวถึงฮาโกดาเตะจะใช้เวลาราว 4 ชม. กว่าเท่านั้นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นการประหยัดเวลาไปได้มากด้วย ไว้ถ้าจะไปฮอกไกโดคราวหน้า จะขอเลือกนั่งเครื่องไปลงนาริตะ ต่อรถไฟด่วนพิเศษไปลงโตเกียว แล้วนั่งชินคันเซ็นไปถึงฮอกไกโดดีกว่าล่ะนะ
สำหรับบันทึกการเดินทางทริปนี้ของนะยังไม่จบเพียงเท่านี้ คราวหน้าจะมาเล่าถึงเรื่องราวที่พวกนะได้ทำที่ฮาโกดาเตะกันค่ะ ^^
ナナ~♪
หลังจากที่มาถึงสนามบินดอนเมืองแล้ว ก็นั่งรอพวกพี่ๆ พร้อมกับสแตนด์บายรอเช็คอินสัมภาระ สารภาพตามตรงเลยว่า... ตั้งแต่เกิดมา 28 ปี เพิ่งจะได้มาเหยียบสนามบินดอนเมืองเป็นครั้งแรกล่ะ!! เลยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยถึงปานกลาง แหะๆๆ =///=
เมื่อได้เช็คอินสัมภาระ ผ่าน ตม. เรียบร้อย ก็เดินเล่น-นั่งเล่น-จิ้มมือถือเล่นเรื่อยเปื่อยภายในอาคารพักผู้โดยสาร จนพอใกล้เวลาเกทปิดก็เดินเข้าไปแบบชิลๆ แต่ก่อนที่จะเดินเข้าเกท ก็ขอถ่ายภาพเจ้าเครื่องบินที่จะพาเราเดินทางกันก่อน ^^
เครื่องบินที่จะออกเดินทางเป็นเที่ยวบินของ Thai Airasia X ที่เดินทางจากดอนเมือง-นาริตะ รอบประมาณ 23.45 น. ดังนั้น ตอนออกเดินทางจึงเห็นดวงไฟหลายๆ ดวง ซึ่งดูแล้วก็สวยงามเลยทีเดียว
หลังจากที่นั่งไปได้ครึ่งทาง พนักงานต้อนรับก็ได้มาเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสารที่สั่งจองอาหารล่วงหน้า ตัวนะเองที่ไม่ได้สั่งจองล่วงหน้า เลยต้องสั่งกับพนักงานโดยตรง ซึ่งราคาจะแพงกว่าตอนสั่งจองล่วงหน้า แถมเมนูก็ไม่ได้มีให้เลือกเยอะเท่าไหร่ด้วย
และนี่ก็คืออาหารที่ทานตอนอยู่บนเครื่องค่ะ กับ "ข้าวผัดกะเพราไก่ไข่เจียว" รสชาติก็อร่อยดีนะ
หลังจากที่ทานเสร็จได้ซักพัก เนื่องจากว่านะกะพวกพี่ๆ นั่งอยู่ทางริมฝั่งซ้าย จึงทำให้ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแต่ไกลด้วย
พอเดินทางได้จนครบ 6 ชั่วโมง เครื่องบินก็พานำพวกเรามาถึง "สนามบินนาริตะ" ประเทศญี่ปุ่น
เครื่องบินแตะพื้นดินตอนประมาณ 8.00 น. ของวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2558 เมื่อเครื่องบินเคลื่อนที่จนเข้าสู่ลานจอดแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางไกลออกจากตัวเครื่องเพื่อไปยัง ตม. ...ขอบอกว่าระยะทางโคตรไกลเวอร์ ><"
และหลังจากที่เดินถึง ตม. ผ่าน ตม. รับกระเป๋า เวลาก็ล่วงเลยไปประมาณ 1 ชม. เต็มๆ แล้วล่ะค่ะ
เมื่อรับกระเป๋าเสร็จ พวกนะก็รีบไปดำเนินการแลก JR Rail Pass ทำการจองรอบรถไฟ และรีบขึ้นรถไฟทันทีหลังจากที่จองเสร็จ โดยรถไฟที่ขึ้นต่อแรกจากสนามบินก็คือ รถไฟด่วนพิเศษ Narita Express ที่ใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชม. จากสนามบินนาริตะถึงสถานีโตเกียว ระหว่างทางก็ได้ถือโอกาสชมวิวสองข้างทางไปด้วย ซึ่งก็ได้เห็นทั้งวิวบรรยากาศที่แลออกดูชนบทหน่อยของจังหวัดชิบะ จนกระทั่งวิวบรรยากาศในเมืองของโตเกียว ที่คราวนี้ได้เห็น Tokyo Sky Tree ชัดเจนด้วย ...แต่น่าเสียดายอยู่สองอย่าง ตรงที่ไม่ได้มีโอกาสถ่ายเจ้าตัวขบวนรถไฟ Narita Express (เพราะกำหนดการเร่งรีบเกิ๊นนน) และตรงที่งวดนี้โตเกียวเป็นแค่ทางผ่านค่ะ 5555
หลังจากที่มาถึงสถานีโตเกียวแล้ว เดิมทีตั้งใจว่าจะมาแวะซื้อข้าวกล่องเบนโตะก่อนที่จะขึ้นรถไฟชินคันเซ็นไปยัง Shin-Aomori แต่เนื่องจากตัวสถานีที่ค่อนข้างใหญ่มาก ชานชาลาที่มีมากกว่า 30 ชานชาลา และเวลาที่ค่อนข้างกระชั้นชิดหลังจากที่เห็นฝูงคนเข้าไปซื้อเบนโตะในร้าน จึงจำต้องตัดใจไปหากินเอาดาบหน้าแทน T^T
และรถไฟขบวนถัดไปที่ได้ขึ้นคือ รถไฟชินคันเซ็น Hayabusa โดยเดินทางจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีชินอาโอโมริ
ซึ่งในระหว่างทาง ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกหิวมากๆ แต่ก็ต้องอดทนเข้าไว้ เพราะเราเลือกที่จะเดินทางด้วยรอบรถไฟที่มีระยะห่างเวลาการเปลี่ยนขบวนกระชั้นชิดเอง แต่ก็ยังดีที่ได้น้ำชาที่กดมาจากตู้กดน้ำก่อนขึ้นรถไฟ และลูกชิ้นปลาคามาโบโกะกับอาหารทะเลอบแห้งจากรถเข็นขายบนรถไฟ
หลังจากที่เดินทางมาได้ราว 3 ชั่วโมงกว่า ก็เดินทางมาถึงสถานีชินอาโอโมริ
ซึ่งก่อนเดินลงจากชานชาลา ก็ขอแชะภาพเจ้ารถไฟชินคันเซ็นซะหน่อยล่ะ ซึ่งคันที่ถ่ายมานั้นเป็นคันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งกับคันที่เราเดินทางมานั่นเองจ้า
เดิมที... พวกเราได้ทำการจองรถไฟมาตั้งแต่ที่เดินทางจากสนามบินนาริตะถึงฮาโกดาเตะ จุดหมายปลายทางในวันนั้น แต่เนื่องจากเรามึนงงกับตัวชานชาลา เลยทำให้พลาดขบวนรถไฟที่จองไว้จากชินอาโอโมริถึงฮาโกดาเตะ ดังนั้น จึงได้ตัดสินใจรอขึ้นรอบถัดไปโดยขึ้นตู้รถไฟโซนที่ไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า และอาศัยช่วงระยะเวลาระหว่างรอไปซื้อของกินและเบนโตะมารอรถไฟไปพลางๆ ซึ่งก็ได้กินเบนโตะหลากหลายแบบมากเลยล่ะ ^^
หลังจากที่ได้แบ่งกันชิมแบ่งกันทานจนอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟ Hakucho ซึ่งรถไฟขบวนนี้จะวิ่งลอดผ่านอุโมงค์เซคัง อุโมงค์รถไฟใต้น้ำที่เชื่อมโยงระหว่างเกาะฮอนชูและเกาะฮอกไกโด แถมยังเป็นอุโมงค์รถไฟใต้น้ำที่ลึกที่สุดในโลกด้วย
ระหว่างทาง ก็จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ระหว่างจังหวัดอาโอโมริจนถึงทางตอนใต้ของฮอกไกโดเลยล่ะค่ะ ซึ่งก็ได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่หลากหลายเลย ทั้งวิวชุมชน ทุ่งหญ้า ภูเขา และบ้านเรือนริมทะเล รวมไปถึงภายในตัวรถไฟก็ดูสะอาดสบายตา คนไม่แออัดดี
ส่วนภายในอุโมงค์ใต้น้ำเป็นอย่างไรงั้นหรอ? ขึ้นชื่อว่า "อุโมงค์" มันก็แทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยล่ะนะ ไม่ต่างจากตอนนั่งรถไฟใต้ดินบ้านเราแหละ 5555 XD
หลังจากที่ได้เดินทางมาประมาณ 2 ชม.กว่าๆ ในที่สุด... ก็ได้เดินทางมาถึง "ฮาโกดาเตะ" เมื่อเวลาประมาณราว 18.00 น. พอดี
ก่อนเดินออกจากชานชาลาก็ไม่ลืมขอแชะเจ้ารถไฟขบวนนี้กันซักหน่อยนะ (เพราะตอนขึ้นรถไฟไม่ได้ถ่าย ><" )
และสิ่งที่เราจะต้องเจอเมื่อได้มาถึงหน้าสถานีฮาโกดาเตะ ก็คือ... เจ้าประติมากรรมสิ่งนี้ค่ะ งามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มาก จนต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเลยทีเดียว ^^
เมื่อรวมเวลาทั้งหมดที่เดินทางตั้งแต่สนามบินนาริตะจนถึงสถานีฮาโกดาเตะ พวกนะใช้เวลาไปทั้งหมด 8.5 ชม. เชียวล่ะ!!
คงจะมีใครสงสัยว่า แล้วทำไมพวกนะจะต้องมาลำบากเดินทางโดยรถไฟหลาย ชม. ทำไมไม่นั่งเครื่องต่อ หรือนั่งเครื่องบินจากไทยมาฮอกไกโดเลย...
เหตุผลก็คือ... เดิมทีทริปนี้ที่แพลนไว้ตอนแรก พวกเราแพลนกันว่าจะนั่งบินตรงของ Thai Airasia X จากดอนเมืองมาลงที่สนามบินชินจิโตเสะค่ะ แต่... อย่างที่รู้กันดีว่าปีที่แล้วไทยเจอผลกระทบเรื่องมาตรฐานการบินพลเรือนจนส่งผลให้เที่ยวบินดังกล่าวที่ตอนนั้นเพิ่งเปิดเส้นทางใหม่ได้ไม่นานได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เที่ยวบินในวันที่เดินทางของพวกนะในช่วงนั้นยังไม่มีความแน่นอนว่าวันนั้นจะยังได้เดินทางอยู่หรือไม่? สุดท้าย... พวกพี่ๆ จึงตัดสินใจยกเลิกตั๋วและจองใหม่โดยไปลงนาริตะแทนค่ะ ส่วนเรื่องเที่ยวบินในประเทศนั้น ในช่วงที่ได้ลองค้นหาข้อมูลเที่ยวบิน รวมถึงเที่ยวรถไฟที่จะนั่งต่อไปฮาโกดาเตะนั้น เมื่อได้ค้นหาแบบละเอียดแล้ว ก็พบว่ากว่าจะถึงฮาโกดาเตะก็ใช้เวลาแทบไม่ต่างกันกับนั่งรถไฟจากนาริตะเลย ทำให้พวกเราตัดสินใจนั่งรถไฟขึ้นเหนือแบบมาราธอนตามที่เล่ามาค่ะ ><"
แต่ถ้าถามว่า สนุกมั้ย? ก็ยอมรับนะว่าสนุกมาก และชอบที่จะเดินทางโดยรถไฟแบบนี้ เพียงแต่คราวหน้าคงจะปรับปรุงเพิ่มเติมโดยการเผื่อเวลาไว้เยอะๆ หน่อยล่ะ จะได้ไม่ต้องเดินทางแบบรีบๆ อย่างที่เล่ามาแล้วล่ะนะ ^^"
ที่สำคัญ... ปลายมีนาคมนี้ก็จะมีรถไฟชินคันเซ็นไปถึงฮาโกดาเตะแล้ว โดยถ้าหากเดินทางจากโตเกียวถึงฮาโกดาเตะจะใช้เวลาราว 4 ชม. กว่าเท่านั้นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นการประหยัดเวลาไปได้มากด้วย ไว้ถ้าจะไปฮอกไกโดคราวหน้า จะขอเลือกนั่งเครื่องไปลงนาริตะ ต่อรถไฟด่วนพิเศษไปลงโตเกียว แล้วนั่งชินคันเซ็นไปถึงฮอกไกโดดีกว่าล่ะนะ
สำหรับบันทึกการเดินทางทริปนี้ของนะยังไม่จบเพียงเท่านี้ คราวหน้าจะมาเล่าถึงเรื่องราวที่พวกนะได้ทำที่ฮาโกดาเตะกันค่ะ ^^
ナナ~♪