Diary
เมื่อจำเป็นต้องเดินเท้ากลับบ้าน (ノД`)・゜・。
ดูเผินๆ จากรูปก็แลดูไม่น่าจะมีอะไร แต่อยากจะบอกว่า... มันอยู่สภาพแบบนี้นานมากกก นั่นก็คือรถติดไม่ขยับเลย จนถึงขนาดที่มีผู้โดยสารบางคนลงจากรถเพื่อเดินต่อแล้ว
หลังจากที่สังเกตการณ์ได้สักพัก ประกอบกับได้เช็คข่าวคราวทางทวิตเตอร์แล้วว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแถวทางด่วนด่านปากน้ำจนส่งผลกระทบมาแบบต่อเนื่อง ก็เลยตัดสินใจที่จะเดินเท้ากลับบ้านแบบจริงๆ จังๆ ค่ะ
หลายๆ คนอาจจะแบบว่า "เห้ยยย เอาจริงดิ?" ใช่ค่ะ เอาจริงแน่นอน... เห็นแบบนี้จากตัวสถานีถึงบ้านตัวเองก็ไม่ใช่ระยะทางที่ไกลโขขนาดนั้นนะ อีกอย่าง เมื่อราวๆ 2 ปีก่อน เหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่มันรุนแรงกว่าตรงที่ตอนนั้นมีน้ำท่วมหนักนี่แหละ รุนแรงถึงขนาดที่ว่าห้าทุ่ม-เที่ยงคืนกว่าแล้วก็ยังวิกฤตอยู่เลย ในวันที่เกิดเหตุนั้น คุณแม่ก็ได้ตัดสินใจเดินออกมารับนะตรงแถวสำโรงแล้วเดินเข้าบ้านด้วยกันเลยค่ะ ซึ่งตอนนั้นใช้เวลาราวๆ 1 ชม. ในการเดินเท้า เนื่องจากน้ำท่วมขังจึงต้องค่อยๆ เดิน
สำหรับในครั้งนี้ก็ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดราวๆ 45 นาทีเห็นจะได้ เนื่องจากคราวนี้ไม่มีน้ำท่วม จึงทำให้เดินได้ไวขึ้นจะมีหยุดบ้างก็ตอนจับโปเกมอนและนั่งเช็คไข่ที่กำลังฟักนี่แหละ (ซึ่งก็เดินจนฟักไข่ได้ฟองนึง แถมยังจับโปเกมอนจนได้อีโวอีกต่างหาก 5555)
ตอนที่ตัวเองเดินนั้น ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเองเท่านั้นที่เดิน เลยไม่ต้องกลัวว่าทางมันจะเปลี่ยว แต่พอเดินจนถึงแถวสะพานข้ามคลองสำโรง คนที่เดินก็กลายเป็นว่ามีจำนวนน้อยลงมาก แต่ถึงแบบนั้นก็ยังพอช่วงเวลาชิลๆ เก็บภาพวิวทิวทัศน์ได้บ้างล่ะนะ ฮาาา อย่างภาพด้านบนนี้ก็เป็นภาพวิวคลองสำโรงในตอนกลางคืน
ส่วนอีกภาพหนึ่งก็เป็นภาพช่วงหลังจากที่เดินลงจากสะพานข้ามคลองแล้ว แม้ว่าตรงบริเวณนั้นจะกำลังก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าและมีไฟเปิดตลอดทางอยู่ แต่ทางเดินก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่เลย จะเดินทีก็ต้องอาศัยเดินตามแผ่นไม้กระดานที่วางไว้บนพื้นดินเปียกๆ เหนียวๆ ประกอบกับทางเดินจากสามแยกเพื่อเข้าบ้านมันแลดูเปลี่ยวเกินไป ดังนั้น พอเห็นรถสองแถวที่วิ่งเข้ามาตรงสามแยกเลยตัดสินใจขึ้นรถไปลงหน้าบ้านทันที ก็เอาเป็นว่าเมื่อวานก็ถึงบ้านโดยปลอดภัยล่ะนะ
สำหรับเย็นวันนี้เองก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นคงได้เดินกลับบ้านอีกวันแหงมๆ :p
ナナ~♪
หลังจากที่สังเกตการณ์ได้สักพัก ประกอบกับได้เช็คข่าวคราวทางทวิตเตอร์แล้วว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแถวทางด่วนด่านปากน้ำจนส่งผลกระทบมาแบบต่อเนื่อง ก็เลยตัดสินใจที่จะเดินเท้ากลับบ้านแบบจริงๆ จังๆ ค่ะ
หลายๆ คนอาจจะแบบว่า "เห้ยยย เอาจริงดิ?" ใช่ค่ะ เอาจริงแน่นอน... เห็นแบบนี้จากตัวสถานีถึงบ้านตัวเองก็ไม่ใช่ระยะทางที่ไกลโขขนาดนั้นนะ อีกอย่าง เมื่อราวๆ 2 ปีก่อน เหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่มันรุนแรงกว่าตรงที่ตอนนั้นมีน้ำท่วมหนักนี่แหละ รุนแรงถึงขนาดที่ว่าห้าทุ่ม-เที่ยงคืนกว่าแล้วก็ยังวิกฤตอยู่เลย ในวันที่เกิดเหตุนั้น คุณแม่ก็ได้ตัดสินใจเดินออกมารับนะตรงแถวสำโรงแล้วเดินเข้าบ้านด้วยกันเลยค่ะ ซึ่งตอนนั้นใช้เวลาราวๆ 1 ชม. ในการเดินเท้า เนื่องจากน้ำท่วมขังจึงต้องค่อยๆ เดิน
สำหรับในครั้งนี้ก็ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดราวๆ 45 นาทีเห็นจะได้ เนื่องจากคราวนี้ไม่มีน้ำท่วม จึงทำให้เดินได้ไวขึ้น
ตอนที่ตัวเองเดินนั้น ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเองเท่านั้นที่เดิน เลยไม่ต้องกลัวว่าทางมันจะเปลี่ยว แต่พอเดินจนถึงแถวสะพานข้ามคลองสำโรง คนที่เดินก็กลายเป็นว่ามีจำนวนน้อยลงมาก แต่ถึงแบบนั้นก็ยังพอช่วงเวลาชิลๆ เก็บภาพวิวทิวทัศน์ได้บ้างล่ะนะ ฮาาา อย่างภาพด้านบนนี้ก็เป็นภาพวิวคลองสำโรงในตอนกลางคืน
ส่วนอีกภาพหนึ่งก็เป็นภาพช่วงหลังจากที่เดินลงจากสะพานข้ามคลองแล้ว แม้ว่าตรงบริเวณนั้นจะกำลังก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าและมีไฟเปิดตลอดทางอยู่ แต่ทางเดินก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่เลย จะเดินทีก็ต้องอาศัยเดินตามแผ่นไม้กระดานที่วางไว้บนพื้นดินเปียกๆ เหนียวๆ ประกอบกับทางเดินจากสามแยกเพื่อเข้าบ้านมันแลดูเปลี่ยวเกินไป ดังนั้น พอเห็นรถสองแถวที่วิ่งเข้ามาตรงสามแยกเลยตัดสินใจขึ้นรถไปลงหน้าบ้านทันที ก็เอาเป็นว่าเมื่อวานก็ถึงบ้านโดยปลอดภัยล่ะนะ
สำหรับเย็นวันนี้เองก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นคงได้เดินกลับบ้านอีกวันแหงมๆ :p
ナナ~♪